Fisker ไม่ได้เป็นเพียงชื่ออื่นในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่นี่คือบริษัทที่สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และมีความไหวพริบให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ในการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Ronin GT, PEAR ครอสโอเวอร์, รถกระบะ Alaska และ Ocean Force E เข้ามาเสริมทัพในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ให้สนุกมากยิ่งขึ้น
Fisker เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 4 รุ่น Ronin GT, PEAR ครอสโอเวอร์, รถกระบะ Alaska และ Ocean SUV พร้อมแพ็กเกจออฟโรด
ภายในงาน Product Vision Day 2023 ในฮันติงตันบีช แคลิฟอร์เนีย Fisker ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 4 รุ่นใหม่ทั้งหมด ที่จะเข้าสู่สายการผลิตภายในปี 2026 ควบคู่ไปกับแผนการในอนาคตที่จะกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ยั่งยืนที่สุดในโลก ครั้งนี้ได้เปิดตัว 4 รุ่นใหม่ ได้แก่ Ronin 4 ประตูที่เปิดประทุนได้, PEAR ครอสโอเวอร์ และรถกระบะ Alaska ในขณะที่ Ocean SUV มาพร้อมแพ็กเกจพิเศษสำหรับสายออฟโรด ที่เรียกว่า Force E
ภายในงานนี้ไม่ได้เพียงแต่เปิดตัวเท่านั้น เนื่องจากเขายังเปิดรับจองและประกาศราคาที่คาดการณ์ไว้สำหรับ 4 รุ่นใหม่นี้ด้วย คาดการณ์ว่า Fisker Ronin จะมีราคาเริ่มต้นที่ 385,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 13.42 ล้านบาท) และสามารถจองได้ในราคา 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 69,745 บาท) , Fisker PEAR จะมาในกลางปี 2025 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 29,900 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.04 ล้านบาท) และสามารถจองได้ในราคา 250 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,720 บาท) และ รถกระบะ Alaska จะมาในปี 2025 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 45,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.58 ล้านบาท) และสามารถจองได้ในราคา 250 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,720 บาท)
Fisker Ronin 1,000 แรงม้า
รุ่นที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดในงาน คือ Fisker Ronin รถยนต์ไฟฟ้า 4 ประตูแบบสปอร์ต GT ที่เปิดประทุนได้ ซึ่งจะผลิตในจำนวนจำกัด เริ่มตั้งแต่ปี 2025 รูปทรงของตัวรถเพรียวบาง สปอร์ตมาก บังโคลนหลังมีการทำลวดลายที่ช่วยให้ หลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ มีความลู่ลมมากขึ้น และด้านท้ายมีความเซ็กซี่อย่างมาก ให้ความรู้สึกเหมือน Fisker Karma อย่างไรก็ตาม มาพร้อมกับหลังคาเปิดประทุนคาร์บอนไฟเบอร์ ประตู 4 บาน เปิดแบบ Butterfly และการตกแต่งภายในแบบ 5 ที่นั่ง ที่ “ หรูหราไฮเทค ”
ที่สำคัญกว่านั้น Fisker Ronin มาพร้อมระบบส่งกำลังแบบ All Wheel Drive (AWD) มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ที่ให้กำลังมากกว่า 1,000 แรงม้า ทำให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 2 วินาที และคาดว่าจะสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 600 ไมล์ (966 กม.) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
รถกระบะ Fisker Alaska สปอร์ตและอเนกประสงค์
การเปิดตัวที่คาดหวังมากที่สุด น่าจะเป็นรถกระบะไฟฟ้า 4 ประตู คือ Fisker Alaska ซึ่งจะแข่งขันโดยตรงกับ Ford F-150 Lightning, Chevy Silverado EV, Tesla Cybertruck, Rivian R1T และอื่นๆอีกมากมาย โดยรถกระบะคันนี้ใช้สถาปัตยกรรม FT31 ร่วมกับ Ocean SUV บริษัทกล่าวว่าได้รับการออกแบบให้เป็น “ รถกระบะ EV ที่เบาที่สุดในโลก ” และ Henrik Fisker ซีอีโอของ Fisker ยังเรียกว่าเป็น “ Ferrari ของรถกระบะ ” และแน่นอนว่ามันดูสปอร์ตมาก ด้วยไฟ LED ที่อลังการ ดูดุดันมากในส่วนด้านหน้าของรถกระบะ ประตูโดยสารทั้ง 4 บาน ขนาดใหญ่มาก และแถบไฟ LED แบบยาวที่โดดเด่นในด้านหลังของกระบะ
เป้าหมายหลักของ Fisker Alaska คือ การเป็นทั้ง “ การขับขี่ที่สปอร์ตทุกวัน ” และ “ รถกระบะอเนกประสงค์ที่ยืดหยุ่นสูง ” สำหรับอย่างหลัง คือ สามารถขยายพื้นที่กระบะท้ายได้จาก 4.5 ฟุต เป็น 7.5 ฟุต หรือ 9.2 ฟุต และสามารถเข้าถึงกันได้ง่าย ระหว่าง ห้องโดยสารกับกระบะท้าย
Fisker PEAR ราคาไม่แพง
Fisker PEAR ย่อมาจาก Personal Electric Automotive Revolution เป็นรถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาสำหรับเมืองที่ต้องการเป็น “ เมืองแห่งเทคโนโลยี ” และเป็นยานพาหนะที่ยั่งยืน รุ่นดังกล่าวใช้สถาปัตยกรรม SLV-1 ที่มีตัวถังขนาดกะทัดรัดและให้อารมณ์ความสปอร์ต
Fisker ให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้งานได้จริง สำหรับขนาดที่ตกแต่งภายในแบบ 6 ที่นั่ง แบบแยกส่วนที่กว้างขวางมาก ในส่วนของฝากระโปรงท้าย จะไม่มีเปิดยื่นออกมาจากตัวรถ จะเป็นการซ่อน โดยเลื่อนสไลด์ขึ้นลงจากด้านล่าง ที่เรียกว่า “ Houdini Trunk ” และ Frunk ที่ Fisker ชอบเรียกว่า “ Froot ” (รวมคำมาจาก Front Boot) กระบวนการผลิตส่งผลให้มีการใช้ชิ้นส่วนน้อยลง 35% เมื่อเทียบกับ EV คู่แข่ง ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้มีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ Fisker จะเสนอ PEAR 4 รุ่นย่อย วางจำหน่ายในช่วงกลางปี 2025
Ocean SUV พร้อมแพ็กเกจออฟโรด
การเปิดตัว EV รุ่นใหม่ จึงเป็นจุดสนใจหลักของการเปิดตัว แต่ Fisker ไม่ได้ละเลยรุ่น Ocean SUV ทางบริษัทได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ แพ็กเกจออฟโรด Force E ที่แสดงตัวอย่างไปในเดือนพฤษภาคม 2023
Force E จะมาพร้อมสำหรับรุ่นย่อย Ultra และ Extreme AWD ของ Ocean SUV ไม่ว่าจะเป็นออปชัน Factory-Fit หรือเป็นแพ็กเกจ Add-on ซึ่งประกอบด้วยล้อขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางออฟโรดขนาด 33 นิ้ว ระบบช่วงล่างที่ได้รับการอัปเกรด ปรับเซ็ตโช็คใหม่ และระยะต่ำสุดถึงพื้น (Ground Clearance) ที่สูงขึ้น กันชนหน้าและกันชนท้ายดีไซน์สำหรับออฟโรด และมีแผ่นป้องกันใต้ท้องรถอีกด้วย
เป้าหมายที่ยั่งยืน
นอกจาก EV 4 รุ่นนี้แล้ว บริษัทยังประกาศถึงแพลตฟอร์มส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันในหลายๆรุ่น ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนในรถยนต์ในอนาคต โดยเริ่มจาก Fisker PEAR ก่อน
Henrik Fisker ประธานและซีอีโอของ Fisker กล่าวว่า “ เราต้องการให้โลกรู้ว่าเรามีแผนใหญ่ที่ตั้งใจจะย้ายไปยังหลายส่วนที่แตกต่างกัน โดยกำหนดนิยามใหม่ด้วยการผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์ของการออกแบบ นวัตกรรม และความยั่งยืน ” และยังเสริมว่า “ ภายในปี 2027 เราตั้งใจที่จะผลิตยานพาหนะที่เป็นกลางต่อสภาพอากาศคันแรกของโลก และเมื่อลูกค้าของเราสร้างความสัมพันธ์กับความคล่องตัวขึ้นใหม่ เราต้องการเป็นผู้นำในการขนส่งที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ”
ที่มา – CarScoops
ภาพประกอบบทความ – electrek(Ronin), electrek(Alaska), electrek(PEAR) และ InsideEVs