Honda เปิดตัว CR-V e:FCEV รถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลงไฮโดรเจนในสหรัฐอเมริกา เป็นการผสมผสานนวัตกรรมของเซลล์เชื้องเพลิงไฮโดรเจนและไฟฟ้าเข้าด้วยกัน ด้วยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
Honda เปิดตัว CR-V e:FCEV รถพลังงานไฮโดรเจนและไฟฟ้าครั้งแรก เริ่มส่งมอบในแคลิฟอร์เนียปีนี้
CR-V e:FCEV 2025 เป็นรถยนต์พลังงานไฮโดรเจนพร้อมระบบไฟฟ้าในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด ถือเป็นรถยนต์คันแรกที่ใช้โมดูลเซลล์เชื้อเพลิงเจเนอเรชันที่ 2 ที่พัฒนาโดยความร่วมมือของ Honda กับ General Motor
สิ่งที่ทำให้ CR-V e:FCEV 2025 แตกต่างจากรถ FCEV ทั่วไปคือ รุ่นนี้มีแบตเตอรี่ขนาด 17.7 kWh ที่สามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน ให้ระยะทางสูงสุด 47 กม. ส่วนระยะทางรวมสูงสุดอยู่ที่ 435 กม. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้กำลังสูงสุด 130 kW แรงบิด 311 Nm
CR-V e:FCEV รองรับการเสียบชาร์จไฟฟ้า (PHEV) ด้วยเครื่องชาร์จ Level 2 และยังรองรับการชาร์จแบบ 2 ทิศทาง สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้สูงสุด 1500W ผ่านปลั๊กไฟ 100V
วิศวกรของ Honda ได้ปรับปรุงแชสซีและระบบกันสะเทือน เพื่อให้รถรุ่นนี้รองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจากแบตเตอรี่ ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจใจประสบการณ์การขับขี่ที่รถยังคงรักษาความคล่องตัวได้
การออกแบบภายนอกของ CR-V e:FCEV โดยเด่นด้วยกันชนหน้าแบบใหม่ กระจังหน้าเพรียวบาง ช่องรับอากาศขนาดใหญ่ขึ้น และไฟท้ายพร้อมเลนส์ใส นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์ e:FCEV อยู่ตรงพอร์ตชาร์จเพื่อบ่งบอกถึงความเป็นรถยนต์พลังงานไฮโดเจนปลั๊กอินไฮบริด
คุณสมบัติมาตรฐานใน CRV e:FCEV ได้แก่ แผนหน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.2 นิ้ว, หน้าจอสัมผัส HD ขนาด 9 นิ้ว, รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, มีแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย, ระบบเสียงระดับพรีเมียม Bose ลำโพง 12 ตัว, เบาะนั่งคู่หน้ามีระบบอุ่น, พวงมาลัยปรับอุณหภูมิได้, เครื่องปรับอากาศแบบ Dual-zone, เซ็นเซอร์ช่วยจอดรถ และเบาะนั่งใช้วัสดุหนังชีวภาพ
Honda ตั้งเป้าการผลิตรถ CRV e:FCEV ประมาณ 300 คันต่อปี โดยเปิดให้เช่าซื้อในรัฐแคลิฟอร์เนียเท่านั้น เนื่องจากรัฐนี้เป็นพื้นที่ทดสอบสำหรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของรถยนต์ และเป็ที่ตั้งของสถานีเติมเชื้อเพลงไฮโดรเจนเพียงแห่งเดียวในสหรัฐอเมริกา (ยกเว้นสถานีบนชายฝั่งตะวันออก) อาจจะขยายไปยังตลาดอื่น ๆ ในอนาคต
Honda มองว่ารถยนต์พลังงานไฮโดรเจนจะเป็นส่วนหนึ่งของการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2040
ที่มา electrek, drivencarguide