ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท BYD ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าสงครามราคาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศจีนนั้นเป็นภาวะที่ไม่ยั่งยืน พร้อมทั้งได้อธิบายถึงสาเหตุที่บริษัทต้องปรับลดราคารถยนต์ลงเมื่อไม่นานมานี้
ผู้บริหาร BYD ชี้ การทำสงครามราคารถยนต์ในจีน “ไม่ยั่งยืน” พร้อมเผยแผนทำตลาดในยุโรปมากขึ้น
Stella Li รองประธานบริหารของ BYD ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า “สถานการณ์สงครามราคานี้ไม่ยั่งยืนเลย ซึ่งเป็นการแข่งขันที่รุนแรงและหนักหน่วงอย่างยิ่ง” เธอกล่าวว่าคู่แข่งของ BYD มักจะเลียนแบบกลยุทธ์ของบริษัท โดยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นที่ใหญ่กว่าในประเภทเดียวกัน แต่ตั้งราคาให้ถูกลง
“แน่นอนว่าทุกบริษัทต้องเอาตัวรอดให้ได้ แต่สิ่งนี้ไม่ใช่สภาวะที่ดีต่อกลไกตลาดเลย” เธอกล่าวเสริม “พอเราเปิดตัวรถรุ่นใหม่วันนี้ อีกสองเดือนต่อมา คู่แข่งของเราก็จะเปิดตัวรถรุ่นที่คล้ายกันซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า แต่ทำราคาถูกกว่าถึง 10,000 ถึง 20,000 หยวน”
ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา BYD ได้ประกาศลดราคารถยนต์ถึง 22 รุ่น โดยบางรุ่นมีการลดราคาสูงกว่า 30% กลยุทธ์เชิงรุกนี้เป็นผลมาจากการตั้งเป้ายอดขายที่สูงของบริษัท โดย BYD ตั้งเป้าที่จะขายรถให้ได้ถึง 5.5 ล้านคันในปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 30%
ในขณะ Deutsche Bank ได้รายงานในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมว่า ยอดค้าปลีกของ BYD ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้เติบโตขึ้นเพียง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
หลังจากการประกาศปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของ BYD ผู้ผลิตรถยนต์หลายราย เช่น Chery, Leapmotor และ IM Motors ก็ได้ออกมาตรการลดราคาในลักษณะเดียวกันตามมา ซึ่งจุดประกายความกังวลว่าสงครามราคาจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน (CAAM) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยุติสงครามราคา โดยระบุว่าการแข่งขันด้านราคาที่ไร้ระเบียบนี้ยิ่งทำให้การแข่งขันเลวร้ายลง และส่งผลต่อกำไรของบริษัทรถยนต์มากขึ้น
นอกเหนือจากประเด็นสงครามราคาแล้ว Stella Li ยังได้กล่าวในการสัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า BYD มีแผนที่จะเดินหน้าลงทุนมากขึ้นนอกประเทศจีน โดยจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดยุโรปเป็นพิเศษ โดยคาดว่าจะลงทุนในยุโรปเป็นมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ Stella Li ยังกล่าวด้วยว่า ในปัจจุบัน BYD ยังไม่มีแผนที่จะร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่คู่แข่งในประเทศอย่าง Xpeng และ Leapmotor เลือกใช้
ที่มา cnevpost