สำนักข่าว 36Kr ได้รับข้อมูลจากหลายแหล่งข่าวว่า Tesla ในประเทศจีนกำลังเดินหน้าโครงการรถยนต์ใหม่ 2 โครงการภายใต้ชื่อรหัส E41 และ D50 ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นที่ถูกลดสเปกลงจาก Model Y และ Model 3 ในปัจจุบันตามลำดับ
Tesla จีนกำลังพัฒนารถรุ่นประหยัด Model 3 และ Model Y และลือว่าอาจรื้อโครงการรถยนต์ $25,000
แหล่งข่าววงในระบุว่า การออกแบบและรายงานการตรวจสอบบางส่วนของโครงการใหม่นี้ ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Model Y และ Model 3 โดยขณะนี้รถยนต์ทั้งสองรุ่นได้เข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบและทดสอบแล้ว
ตามข้อมูลเบื้องต้น คาดว่ารถยนต์รุ่นใหม่นี้อาจเริ่มผลิตได้ในช่วงกลางปีหน้าหรือช้ากว่านั้น ซึ่งทาง 36Kr ได้พยายามสอบถามไปยัง Tesla เพื่อยืนยันข่าวดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
โรงงานของ Tesla ในจีนเป็นฐานการผลิตหลักเพื่อป้อนตลาดจีนและยุโรป การผลิตรถรุ่นประหยัดในจีนจึงเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อเจาะตลาดทั้งสองแห่งนี้ โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์ Standard 2 รุ่นในอเมริกาเหนือ ได้แก่ Model Y ราคา 39,999 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.48 ล้านบาท) และ Model 3 ราคา 36,990 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.37 ล้านบาท)
รถรุ่นประหยัดเหล่านี้มีราคาเริ่มต้นถูกกว่ารุ่นก่อนหน้าประมาณ 5,000 – 5,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 185,000 – 203,500 บาท) โดยมีการตัดหรือลดสเปกอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ออกไปกว่า 20 รายการ เช่น ตัดไฟหน้าแบบแถบยาว, เปลี่ยนกระจกมองหลังจากปรับไฟฟ้าเป็นปรับด้วยมือ, ยกเลิกกระจกหน้าต่างแบบสองชั้น และเบาะนั่งไม่สามารถปรับไฟฟ้าได้อีกต่อไป
ต่อมาในวันที่ 10 ตุลาคม Tesla ก็ได้เปิดตัว Model Y รุ่นประหยัดในนอร์เวย์, เยอรมนี และสวีเดน โดยจะมีราคาถูกกว่ารุ่นที่ถูกที่สุดก่อนหน้านี้ถึง 5,000 ยูโร (ประมาณ 200,000 บาท) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Tesla กำลังใช้กลยุทธ์นี้ในตลาดหลักทั่วโลก เพื่อใช้ชื่อเสียงของแบรนด์ที่สั่งสมมานาน เจาะตลาดรถยนต์ที่มีราคาต่ำลง
แผนสำรองในจีน และการกลับมาของรถ 25,000 ดอลลาร์
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าทีม Tesla ในจีนได้พัฒนารถ Model Y ราคาถูก ซึ่งเป็นแผนสำรองที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 หากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า แต่สุดท้าย Tesla เลือกที่จะชะลอแผนนี้ออกไป แล้วเปิดตัว Model Y L ซึ่งเป็นรถ SUV 6 ที่นั่งที่ตอบโจทย์ตลาดจีนมากกว่าแทน
Model Y L ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม มีราคาเริ่มต้นที่ 339,000 หยวน (ประมาณ 1.73 ล้านบาท) ตัวรถยาวและมีฐานล้อที่กว้างกว่า Model Y เดิม ซึ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จในจีน โดยทำยอดขายในเดือนกันยายนได้สูงถึง 71,000 คัน และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้รถรุ่นประหยัดยังไม่ถูกเปิดตัวในจีน อย่างไรก็ตาม การที่ Tesla กลับมาเดินหน้าผลิตรถรุ่นประหยัดในจีนอีกครั้ง ก็สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลต่อการเติบโตของยอดขาย
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจากแหล่งข่าวใกล้ชิดสำนักงานใหญ่ของ Tesla ว่าบริษัทมีแผนจะรื้อฟื้นโครงการ NV91 และ NV93 ซึ่งเป็นโครงการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กกว่า Model Y โดยโครงการ NV91 ก็คือ รถยนต์ราคา 25,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 925,000 บาท) ที่ Elon Musk เคยพูดถึง แต่โครงการนี้เคยถูกระงับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 เพราะการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดรถราคาถูกของจีน โดยเฉพาะจากคู่แข่งอย่าง BYD
ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2025 ยอดขายทั่วโลกของ Tesla ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การเปิดตัวรถรุ่นประหยัดจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อกอบกู้สถานการณ์ แต่หลังการเปิดตัวในอเมริกาเหนือ ราคาหุ้นของ Tesla กลับร่วงลงประมาณ 4% ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท) กลยุทธ์ลดสเปก ลดราคา นี้ กำลังเริ่มบั่นทอนภาพลักษณ์แบรนด์พรีเมียมของ Tesla
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้มีเป้าหมายที่ลึกซึ้งกว่าแค่การเพิ่มยอดขาย มันสอดคล้องกับแผนของบริษัทที่เปลี่ยนจุดสนใจจากรถยนต์ไฟฟ้าไปสู่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์ การตัดทอนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายออกไป แต่ยังคงรักษาฮาร์ดแวร์สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง (FSD) ไว้ ก็เพื่อทำให้รถมีราคาถูกลงและเข้าถึงคนได้มากขึ้น
เป้าหมายที่แท้จริงคือ การเพิ่มจำนวนรถยนต์ Tesla บนท้องถนนให้กลายเป็น “เครื่องมือเก็บข้อมูล” เพื่อนำไปฝึกฝนและพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติให้เก่งขึ้น ยิ่งมีผู้ใช้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างโอกาสในการขายบริการสมัครสมาชิก FSD ได้มากขึ้นในอนาคต
แต่ความท้าทายใหญ่ของ Tesla ในตอนนี้คือ จะทำอย่างไรให้ธุรกิจรถยนต์ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่ต้องทุ่มเงินลงทุนมหาศาลไปกับเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ยังมีความเสี่ยงสูงและต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเห็นผล
ที่มา 36kr