Nuttanon P.
เปิดตัวแล้ว Dodge Charger โมเดลไฟฟ้าใช้ชื่อว่า Daytona มาพร้อมรุ่น R/T และ Scat Pack มาชมมัสเซิลคาร์คันนี้กันครับ
Dodge Charger Daytona โมเดลไฟฟ้าเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว
Dodge Charger รุ่นต่อไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ทั้งโมเดลไฟฟ้าและสันดาป ไฟฟ้าจะใช้ชื่อว่า Charger Daytona ในขณะที่รุ่นสันดาปจะใช้ชื่อว่า “Sixpack” แต่ทาง Dodge ไม่ต้องการให้เห็นชื่อรุ่นทั้งไฟฟ้าหรือสันดาปจากท้ายรถเพราะในสายตาของ Tim Kuniskis CEO ของ Dodge Charger ใหม่นี้ถือว่าเป็นรถมัสเซิลคาร์ไม่ว่าจะสร้างด้วยพลังงานอะไรก็ตาม
Dodge Charger Daytona รุ่นไฟฟ้าเริ่มต้นจะมีกําลังสูงสุด 496 แรงม้า นอกจากนี้ยังมีรุ่น 670 แรงม้า ซึ่งแต่ละรุ่นจะส่งกําลังไปยังสี่ล้อทั้งหมด ส่วนรุ่นสันดาปเองก็ยังเป็น AWD ซึ่งเข้าสู่การผลิตในปีหน้าด้วยกําลัง 420 แรงม้าหรือ 550 แรงม้า เมื่อเปิดตัว Charger Daytona จาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.3 วินาที คันนี้ทำตัวเลข Quarter-mile ได้ภายใน แและไป 11.5 วินาที
ทาง Dodge อ้างว่า Charger Daytona ใหม่เป็นรถมัสเซิลคาร์ที่เร็วและทรงพลังที่สุดในโลก ยกเว้น Banshee พร้อมสถาปัตยกรรม 800V ที่จะมาในปีหน้า
เจาะลึกเกี่ยวกับ Dodge Charger Daytona
Dodge Charger Daytona ปี 2024 เปิดตัวในสองรุ่น: รุ่น R/T และ รุ่น Scat Pack ทั้งสองมีสถาปัตยกรรม 400V และใช้มอเตอร์คู่ชุดเดียวกัน ซึ่งขับเคลื่อนโดยชุดแบตเตอรี่ 100.5kWh ที่มีอัตราการคายประจุ 550 kW รุ่น R/T คือการตกแต่งเริ่มต้น โดย Scat Pack เป็นรุ่นท็อปสุด สําหรับตอนนี้ถือว่าคันนี้เป็นรถคันแรกที่ใช้บนแพลตฟอร์ม STLA Large ของ Stellantis ทาง Dodge กล่าวว่า Charger Daytona มีการกระจายน้ําหนักเกือบ 50/50
Dodge กล่าวว่า Daytona ใหม่มีน้ําหนัก 2,648 กิโลกรัม ทําให้ Charger รุ่นเก่าเบากว่าเมื่อเปรียบเทียบ เพื่อช่วยจัดการความหนัก ทาง Dodge มอบแพ็คเกจยางที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาให้กับ Daytona จากโรงงาน Scat Pack ปรับแต่งด้วย Track Package ที่ได้ล้อขนาด 20 นิ้วที่ได้ยาง 305/35 ที่ด้านหน้าและ 325 ที่ด้านหลัง ด้านหลังล้อหน้าใช้เบรก Brembo ขนาด 16 นิ้ว พร้อมคาลิปเปอร์หกพอร์ต Charger Daytona ทั้งหมดได้รับเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิปเชิงกลในโมดูลไดรฟ์ไฟฟ้าด้านหลัง (EDM) เช่นกัน
ที่ด้านหน้า EDM มีการตัดการเชื่อมต่อปลายล้อที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงช่วงและประสิทธิภาพ Dodge กล่าวว่า R/T มีระยะที่วิ่งได้ 510 กม./ชาร์จ ในขณะที่ Scat Pack ที่มีแรงม้าเยอะกว่าสามารถวิ่งได้ 418 กม./ชาร์จ รองรับการชาร์จไวสูงสุด 350kW สามารถเติมได้ตั้งแต่ 20-80% ในเวลาประมาณ 27 นาที
Scat Pack จาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.3 วินาที Quarter-mile ได้ภายใน แและไป 11.5 วินาที ส่วนรุ่น R/T ทำได้ 4.7 และ 13.1 วินาที อยู่บนคันเร่งและ R/T จะขึ้นที่ 220 กม./ชม. เทียบกับ 216 กม./ชม. ในรุ่น Scat Pack แต่ละรุ่นมาพร้อมเกียร์ Single Speed แม้ว่า Tim กล่าวว่าการตั้งค่า Dual-speed กําลังจะมาสําหรับ Banshee
Charger Daytona ได้ช่วงล่างด้านหน้าแบบ multi-link พร้อมการตั้งค่าด้านหลังที่เป็นอิสระ ระบบกันสะเทือนแบบกึ่งแอคทีฟแบบวาล์วคู่พร้อมแดมเปอร์แบบปรับได้เป็นตัวเลือกใน Scat Pack พร้อม Track Package พร้อมระบบเตรียมลง Track ใหม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แบตเตอรี่มีอุณหภูมิเริ่มต้นที่เย็นกว่า ทําให้ผู้ขับขี่สามารถขับรอบได้มากขึ้นก่อนที่ความร้อนจะขึ้น มีระบบเตรียมการที่แตกต่างกันเล็กน้อยสําหรับวิ่ง Drag และคุณยังสามารถใช้ระบบ Line lock เพื่ออุ่นยางล้อหลังก่อนออกตัว หรือคุณสามารถให้รถส่งกำลังขับหลังอย่างเดียวเพื่อให้รถปัดออกข้างด้วยโหมดโดนัทหรือโหมดดริฟท์
Charger Daytona Scat Pack เปิดตัวด้วยแรงม้าสูงสุด 670 แรงม้าและแรงบิด 850 นิวตันเมตร ในขณะที่ R/T มีแรงม้า 496 แรงม้าและ 548 นิวตันเมตร อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกดปุ่ม “PowerShot” บนพวงมาลัยในขณะที่เหยียบคันเร่งเต็มที่ จะเพิ่มแรงขับเคลื่อน 40 แรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นเวลา 15 วินาที ไม่ต่างจากระบบไนตรัสในรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยแก๊ส หลังจากกดแต่ละครั้ง คุณต้องรอ 30 วินาทีก่อนที่คุณจะสามารถรีดม้าออกมาอีก 40 ตัว เพิ่มเติมจากระบบขับเคลื่อนได้ หากไม่มี PowerShot Charger Daytona Scat Pack มี 630 แรงม้า ในขณะที่ R/T ลดลงเหลือ 456 แรงม้า
คุณจะได้ยินเสียงคำรามจาก Charger Daytona ต้องขอบคุณระบบเสียงสังเคราะห์อย่าง Fratzonic Chambered Exhaust เป็นลําโพงในห้องไอเสียพิเศษให้กลิ่นไอเสียงจาก Dodge เดิมที่มีระดับเดซิเบลเท่ากับ Hellcat แต่สําหรับลักษณะของเสียงยังคงเป็นปริศนาเพราะ Dodge ไม่ได้ปล่อยเสียงมาให้ได้ยินอย่างชัดเจน
มีให้เลือกทั้งสองประตูและสี่ประตู
ด้วยแพลตฟอร์ม STLA Large ของ Charger Daytona ทำให้ Daytona ไม่ใช่รถขนาดเล็ก ไม่ว่าจะมีสองประตูหรือสี่ประตู
ทาง Dodge กล่าวว่าระหว่างคูเป้และซีดานไม่ได้มีอะไรพิเศษที่แตกต่างกันยกเว้นประตูอย่างเดียว ผู้โดยสารเบาะหลังมีพื้นที่เหนือศีรษะ 36.9 นิ้ว และพื้นที่วางขา 37.2 นิ้ว แพลตฟอร์ม STLA Large ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับระบบส่งกําลังแบบใช้น้ำมันและไฟฟ้าได้อย่างดี
การออกแบบภายในและภายนอก
เมื่อ Dodge เปิดตัวคอนเซ็ปต์ Charger Daytona SRT EV ถือว่าคันผลิตจริงออกแบบได้ใกล้คอนเซ็ปมาก ๆ อันที่จริง Kuniskis กล่าวว่ามันเป็นการออกแบบขั้นสุดท้าย ยกเว้นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ซึ่งรวมถึงปีก “R” ที่ด้านหน้า ก่อตัวเป็นทางผ่านสําหรับอากาศที่จะผ่านตะแกรงและฝากระโปรง กระจกมองข้างมีรูปร่างแบบดั้งเดิม แต่ตัวถังที่เหลือของ Charger สะท้อนถึงแนวคิดใหม่ ซึ่งรวมถึงโลโก้ Fratzog ในกระจังหน้า ซึ่งอาจแทนที่โลโก้ Dodge double-stripe ปัจจุบันหรือไม่ก็ได้
การตกแต่งภายในของ Charger มีความล้ำสมัยขึ้น แต่ก็ไม่ได้ขาดความดิบแบบเดิม ผู้ขับขี่ได้รับหน้าจอดิจิตอลมาตรฐาน 10.25 นิ้วหรือหน่วย 16 นิ้วเสริม ทํางานร่วมกับหน้าจอกลาง 12.3 นิ้ว เส้นของแผงหน้าปัดชวนให้นึกถึงเครื่องชาร์จปี 1968 หลังคากระจกเต็มความยาวเสริมให้แสงสว่างแก่การตกแต่งภายใน หรือถ้าคุณต้องการสิ่งที่มีสีสันมากขึ้น ไฟภายใน “Attitude Adjustment” ของ Dodge มีสีให้เลือก 64 สี แสงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกําลังทํา เช่น การเปิดประตูหรือกดปุ่มเริ่มต้น
ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจและตัวเลือก เบาะใช้วัสดุผ้าและไวนิลและหนัง Nappa พร้อม Head-up display ระบบ Uconnect 5 ของ Dodge ระบบนำทางที่เรียกว่า TomTom ใช้งานร่วมกับ Amazon Alexa และอื่นๆ มีระบบช่วยการขับขี่มากมาย รวมถึงการแจ้งเตือนการชนด้านหน้าด้วยการเบรกอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็ว, อัตโนมัติแบบปรับได้, การจดจําป้ายจราจร, ระบบช่วยรักษาเลน, การตรวจจับจุดบอด และการตรวจจับผู้ขับขี่ที่ง่วงนอน
การกําหนดราคาและการผลิต
Charger Daytona R/T และ Scat Pack จะเปิดตัวในฤดูร้อนนี้ จะมีให้เลือกรูปแบบทั้งแบบ 2 ประตู และ รุ่น 4 ประตูมาถึงจนกว่าจะถึงไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเป็นช่วงที่ Charger Sixpack เครื่องสันดาป V8 จะเข้าสู่การผลิต ยังไม่มีข้อมูลราคา แต่ด้วย Charger R/T ราคาประมาณ 45,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) และคาดว่า Daytona R/T ใหม่น่าจะเริ่มต้นที่มากกว่า 50,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท)
ที่มา : Motor1
