ใน , ,

เปิดตัวอย่างเป็นทางการ All New Mini Countryman E และ Countryman SE ALL4 ขนาดตัวถังใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีรุ่นนี้มา พละกำลังสูงสุด 313 แรงม้า

All New Mini Countryman E และ Countryman SE ALL4 มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า100% เป็นครั้งแรกในตระกูล Countryman เจเนอเรชันที่ 3 แบตเตอรี่ 66.45 kWh วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 462 กม. ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จไฟกระแสตรง DC สูงสุด 130 kW และขนาดตัวถังใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีรุ่นนี้มา !

เปิดตัวอย่างเป็นทางการ All New Mini Countryman E และ Countryman SE ALL4 ขนาดตัวถังใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีรุ่นนี้มา พละกำลังสูงสุด 313 แรงม้า

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา Mini ได้ทำการเปิดตัวพี่ใหญ่ไปด้วย ที่สร้างความนิยมใหม่ให้กับแบรนด์ในฐานะรถ SUV 5 ประตู รุ่นเดียวของแบรนด์ ก็ถือเป็นฤกษ์ดีที่เปิดตัวน้องเล็กอย่าง All New Mini Cooper E และ Cooper SE พร้อมกันไปเลยทีเดียว โดย Mini Countryman รุ่นใหม่นี้ ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ BMW iX1 ซึ่งทำให้ Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3 นี้ จะถูกย้ายมาผลิตที่โรงงานในเมือง Leipzig ของ BMW Group ในประเทศเยอรมนี

ดีไซน์ภายนอก

  • All New Mini Countryman (เจเนอเรชันที่ 3) : 4,433 x 1,843 x 1,656 มม.

*All New Mini Countryman (เจเนอเรชันที่ 3) ใหญ่กว่ารุ่นเดิมทุกมิติ เทียบกับรุ่นเดิม  Mini Countryman (เจเนอเรชันที่ 2) : 4,299 x 1,822 x 1,557 มม. พบว่ารุ่นใหม่ ยาวกว่า 134 มม. กว้างกว่า 21 มม. และสูงกว่า 99 มม.

(ซ้าย) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 2 (ขวา) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3
(คันสีแดง) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 2 (คันสีเทา) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3
(คันสีแดง) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 2 (คันสีเทา) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3

การออกแบบภายนอก ใช้การออกแบบร่วมกันกับตัวน้อง อย่าง All New Mini Cooper E และ Cooper SE ถึงแม้ว่าจะใช้คนละพื้นฐานกัน แต่ได้มีการปรับรูปทรงไฟหน้ามีความเป็นขอบเหลี่ยม เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ให้กับตัวรถมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และยังมีฟังก์ชันปรับรูปแบบไฟ Daytime Running Light ได้ 3 รูปแบบ เช่นเดียวกันกับ All New Mini Cooper และมาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่ดูใหญ่ขึ้น ติดตั้งมาพร้อมเรดาร์มาด้านล่าง เพื่อทำงานร่วมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบอัตโนมัติระดับ 2

จากด้านข้างของตัวรถ จะมาพร้อมกับเส้นสายที่ทันสมัย โดยเฉพาะบริเวณเสา C ตกแต่งด้วยวัสดุสีสันสดใส ขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นย่อย พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว

ด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายทรง 4 เหลี่ยม ที่มีมิติมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเสริมภาพลักษณ์ให้ตัวรถมีความกว้างมากกว่าปกติ

ขุมพลัง

All New Mini Countryman รุ่นล่าสุด เดินทางมาถึงเจเนอเรชันที่ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถูกแนะนำด้วยขุมพลังไฟฟ้า100% ขับเคลื่อน 4 ล้อ (ALL4) เป็นครั้งแรกในตระกูล มีให้เลือก 2 สเปค

Mini Countryman E

  • มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียว ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ให้พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุ 66.45 kWh อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 8.6 วินาที สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 462 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. รองรับการชาร์จไฟกระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และรองรับการชาร์จไฟกระแสตรง DC สูงสุด 130 kW

Mini Countryman SE ALL4

  • มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 494 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุ 66.45 kWh อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 5.6 วินาที สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 433 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. รองรับการชาร์จไฟกระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW และรองรับการชาร์จไฟกระแสตรง DC สูงสุด 130 kW

ดีไซน์ภายใน

ภายในมาพร้อมหน้าจอสัมผัส OLED ทรงกลมขนาดใหญ่ ชุดใหม่ที่ใช้ร่วมกันกับ All New Mini Cooper ขนาด 9.44 นิ้ว ที่ออกแบบให้เป็นศูนย์รวมข้อมูลทั้งหมดไว้ที่เดียว รวมถึงจอมาตรวัดผู้ขับขี่ การเชื่อมต่อต่างๆและระบบ infotainment การเล่นเพลง หน้าจอบ่งบอกถึงสถานะต่างๆของตัวรถ รวมไปถึงระบบแผนที่นำทาง พร้อมด้วยคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุผ้าหลายสี ทำมาจากวัสดุรีไซเคิล สีของการตกแต่งภายในตัวรถ จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อยของตัวรถ

หน้าจอกลาง infotainment ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Mini Operating System 9 พร้อมด้วยผู้ช่วยส่วนตัว หรือ “Hey Mini” ที่คอยจัดการฟังก์ชันการใช้งานต่างๆภายในตัวรถให้เข้าถึงผู้ขับขี่ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

พื้นที่ห้องโดยสารแถวหลัง ได้รับการปรับปรุงให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มฟังก์ชัน ที่นั่งแถวหลังสามารถปรับเลื่อนที่นั่ง ได้ระยะสูงสุด 130 มม. เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารแถวหลัง หรือเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย ให้มีพื้นที่มากยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมหลังคากระจกพาโนรามิก แบบแยกส่วน

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย มีความจุ 460 ลิตร และสามารถพับเบาะแถวหลังให้แบนราบ ได้พื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,450 ลิตร นอกจากนี้บริเวณด้านท้ายตัวรถยังมีกล่องเก็บสายชาร์จ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเจ้าของรถอีกด้วย

ทั้งนี้การตกแต่งภายในแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ Essential, Classic, Favoured และ John Cooper Works (JCW) ที่มีรายละเอียดการตกแต่งภายในแตกต่างกันไป รวมทั้งวัสดุภายใน, วัสดุหุ้มเบาะ, คอนโซล, การตกแต่งบริเวณพวงมาลัย รวมไปถึงทริมการตกแต่งบริเวณแผงประตูทั้งหมด

การผลิต All New Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3 นี้ จะเริ่มผลิตที่โรงงานของ BMW Group ในเมือง Leipzig ประเทศเยอรมนี ในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับ All Mini Cooper ผลิตในประเทศจีน ปลายปีนี้ เช่นกัน

(ซ้าย) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 1 (กลาง) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 2 (ขวา) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3
(ซ้าย) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 1 (กลาง) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 2 (ขวา) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3
(ซ้าย) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 1 (กลาง) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 2 (ขวา) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3
(ซ้าย) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 1 (กลาง) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 2 (ขวา) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3
(ซ้าย) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3 (กลาง) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 2 (ขวา) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 1
(ซ้าย) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 1 (กลาง) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 2 (ขวา) Mini Countryman เจเนอเรชันที่ 3

ที่มา – motor1 และ autolifethailand

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sahakrit S