หลังจากที่ Nissan ถูก BYD แซงหน้ายอดขายรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลในเดือนพฤศจิกายน 2023 บริษัทก็เตรียมแผนใหม่เพื่อฟื้นคืนส่วนแบ่งตลาด โดยการวางแผนผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส (LFP) ของตนเอง ที่จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลง สามารถแข่งขันกับเจ้าตลาดอย่าง BYD ได้
Nissan วางแผนผลิตแบตเตอรี่ LFP เอง เพื่อสร้างรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก แข่งขันกับ BYD
รายงานใหม่จาก Nikkei เผยว่า Nissan วางแผนผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ที่มีราคาถูกกว่าแบตเตอรี่ลิเธียม NMC เพื่อนำไปติดตั้งในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และสามารถทำราคาแข่งขันในตลาดใหม่ได้ คาดว่าจะเปิดตัวรถยนต์ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟสช่วงต้นปี 2026
ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) จะมีราคาถูกกว่าแบตเตอรี่ลิเธียม NMC ถึง 30% แต่ความหนาแน่นของพลังงานน้อยกว่า ทำให้รถที่ติดตั้งแบตเตอรี่ LFP มีระยะขับเคลื่อนได้น้อยกว่าประมาณ 20-30% แต่ก็อาจจะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปในปัจจุบัน
รายงานเผยว่า Nissan กำลังพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศญี่ปุ่น โดยอาจจะผลิตแบตเตอรี่ LFP เองที่โรงงานในเมืองโยโกฮาม่า
Nissan มีแผนที่จะใช้แบตเตอรี่ LFP ใหม่ในรถยนต์ไฟฟ้าเร็วที่สุดในปี 2026 ซึ่งปัจจุบันบริษัทก็กำลังมองหาพันธมิตรสำหรับพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และนำเข้าวัสดุที่เกี่ยวข้อง
ก่อนหน้านี้ Nissan ได้ประกาศร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในจีน เตรียมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อตีตลาดจีนและส่งออกแข่งขันกับ Tesla และ BYD เห็นได้ว่าแผนของ Nissan ค่อนข้างจริงจังและชัดเจน
ตามข้อมูลของ China Automotive Battery Industry Innovation Alliance เผยว่า แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง BYD ครองตลาดแบตเตอรี่ LFP ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 41.1% จนถึงเดือนพฤศจิกายน 2023 และมีคู่แข่งอย่าง CATL ตามมาอันดับสองด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 33.9%
BYD Seal
BYD มีแบตเตอรี่ที่โดดเด่นของตนเองคือ Blad Battery ติดตั้งบนรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายทั่วโลก BYD อ้างว่ารถรุ่น Seal ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ตัวนี้ สามารถทำระยะทางได้ไกลถึง 700 กม. นอกจากนี้ BYD ยังขาย Blad Battery ให้กับ Tesla ช่วยขับเคลื่อนให้ Tesla เป็นผู้นำการขายรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีที่แล้ว
และในปี 2023 ที่ผ่านมา BYD ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเกือบ 1.6 ล้านคัน รวมถึงขยายการขายไปยังตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ของ BYD จึงอาจจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้ Nissan เข้ามาโฟกัสในรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
ที่มา electrek