Sakura P.
หลังจากที่ Tesla เปิดตัว Model Y รุ่นปรับโฉมใหม่ ในอเมริกาเหนือไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ล่าสุดก็ได้ยุติการขายรุ่น Launch Series เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเริ่มวางจำหน่ายรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ที่เป็นรุ่นมาตรฐานสำหรับลูกค้าทั่วไปในอเมริกาเหนือ พร้อมเปิดตัวสีใหม่ด้วย มาชมกัน
Tesla วางขาย New Model Y รุ่น Long Range AWD พร้อมเปิดตัวสีใหม่ Diamond Black ในสหรัฐอเมริกา
Tesla ได้เดินหน้าวางขาย New Model Y รุ่นมาตรฐานในสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยวางขายรุ่น Long Range AWD เพียงรุ่นเดียว และได้เลิกขาย Launch Series เหมือนกับในยุโรปและเอเชียที่วางขายเฉพาะรุ่นมาตรฐานเท่านั้น
ในสหรัฐอเมริกา วางขาย Model Y รุ่นปกติเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น คือรุ่น Long Range AWD ราคา 48,990 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยราคาเพิ่มขึ้น 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ Model Y รุ่นเดิม และราคาต่ำกว่า Launch Series ที่ 11,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราคา 59,990 บาท)
ก่อนหน้านี้รุ่น Launch Series ถือว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการออปชันหลายรายการ เนื่องจากปกติแล้วการเลือกออปชันเสริม เช่น สีภายนอก สีภายใน อัปเกรดล้อ และระบบ FSD จะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก แต่ในการซื้อ Model Y Launch Series นั้นรวมตัวเลือกเหล่านี้ไว้ โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
New Model Y มาพร้อมสีใหม่ Diamond Black
Diamond Black เป็นสีดำแบบเคลือบหลายชั้น (Multicoat) ที่มีประกายแวววาวจากผงเม็ดสีและสะเก็ดแสงเล็ก ๆ ฝังอยู่ในเนื้อสี ทำให้ดูสดใหม่และแตกต่างจากสีดำทั่วไปอย่างชัดเจน สีนี้ให้ความพรีเมียมและทันสมัยมากกว่าสีดำแบบพื้น (Solid Black) ที่ Tesla เคยใช้มาก่อนหลายปี เพิ่มเงิน 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ในอดีต สีดำเคยเป็นสีพื้นฐานที่มาพร้อมกับรถ Tesla ส่วนใหญ่ ทำให้รถสีดำนั้นพบเห็นได้ทั่วไป แต่ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีการพ่นสี ทำให้สี Diamond Black สะท้อนแสงและเปลี่ยนเฉดเล็กน้อยตามมุมที่มอง คล้ายกับสี Quicksilver ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม
ในปัจจุบัน สี Diamond Black วางจำหน่ายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ยังไม่เปิดให้เลือกในแคนาดา หรือ เม็กซิโก แต่เนื่องจากรถที่จำหน่ายในทั้ง 3 ประเทศนี้ผลิตจากโรงงาน Giga Texas และ Fremont เหมือนกัน จึงคาดว่าสีใหม่นี้จะถูกเปิดให้เลือกในแคนาดาและเม็กซิโกเร็ว ๆ นี้
ส่วนในเอเชียนั้น มีสีใหม่ชื่อว่า Glacier Blue สีนี้ไม่ได้วางขายในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าสีใหม่เหล่านี้จะวางขายเหมือนกันทั่วโลกในอนาคตหรือไม่
ที่มา notateslaapp
