ใน , , , ,

Lamborghini เตรียมทำซุปเปอร์คาร์ EV ภายใน 2028 เริ่มเกมด้วย Urus และ Huracan เวอร์ชัน plug-in hybrid

Lamborghini วางแผนเตรียมทำรถยนต์ไฟฟ้า 100% ทุกโมเดลภายในปี 2028 แต่เริ่มเกมด้วย plug-in hybird (PHEV) อย่าง Lamborghini Urus และ Huracán ก่อน เป็นสัญญาณที่ดีของแบรนด์ตั้งแต่เผยโฉม Lamborghini Lanzador ให้ได้เห็นในปี 2023 มาดูทิศทางของแบรนด์ซุปเปอร์คาร์สัญชาติอิตาลีอย่างแลมโบกันครับ

Lamborghini เตรียมทำซุปเปอร์คาร์ EV ภายใน 2028 เริ่มเกมด้วย Urus และ Huracan เวอร์ชัน plug-in hybrid

ตั้งแต่ช่วงปี 2021 Lamborghini เริ่มประกาศแผนการเริ่มเข้าสู่วงการไฟฟ้าอย่างโปรเจค Direzione Cor Tauri (“Heart of the Bull”) ที่ผ่านมาเริ่มปล่อยทัพด้วยรถยนต์ plug-in hybird ก่อนที่จะผันเป็นไฟฟ้าเต็มตัวภายในปี 2028

ภาพ Lamborghini Lanzador รถไฟฟ้า 100% คอนเซ็ป

เริ่มเกมด้วยการส่งทัพรถเวอร์ชัน plug-in hybrid (PHEV) ทั้ง 2 คันอย่าง Lamborghini Urus รถ SUV ที่ขายดีที่สุดของแบรนด์ และรถสปอร์ตเรือธงอย่าง Lamborghini Huracán นั้นเอง

Stephan Winkelmann ผู้บริหาร Lamborghini กล่าวว่า “Urus hybrid จะเป็นรถเรือธงที่น่าจับตามองอย่างแน่นอน” และเสริมว่า “อาจจะเร็วเกินไปสำหรับเราที่จะทำให้เป็นไฟฟ้า 100% ในทุกโมเดล แต่แผนในช่วงแรกของเราก็คือการส่งรถยนต์ hybird ทั้งไลน์อัปออกมาก่อน” ทางแบรนด์อ้างว่าแผนช่วงแรกจะเริ่มในช่วงปลายปี 2024

Lamborghini ได้ปล่อยรถ hybrid ออกมาแล้วคันแรกอย่าง Revuelto รถซุปเปอร์คาร์เครื่อง 6.5 ลิตรวางกลาง V12 พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว (สองตัวด้านหน้า และหนึ่งตัวด้านหลัง) ทั้งหมดนี้ส่งพละม้าได้มากถึง 1,001 ตัว

ภาพ Lamborghini Revuelto ซุปเปอร์คาร์ V12 plug-in hybird

ระยะที่วิ่งได้ของแบตเตอรี่ไฟฟ้าอยู่เพียง 10 กม. เท่านั้น ทางแบรนด์จะปล่อยเครื่องสันดาปล้วนด้วย Lamborghini Huracán Sterrato ที่เปิดตัวไปแล้วช่วงปีที่แล้ว หลังจากนี้เป็นต้นไปจะมาส่วนผสมของไฟฟ้าทุกคัน Lamborghini พยายามเข้าร่วมเกม EV โดย Winkelmann กล่าวว่า “รถทุกคันจาก Lamborghini จะต้องให้อารมณ์และประสบการณ์เดียวกันกับที่เครื่องสันดาปให้ได้ทั้งหมด”

Lamborghini Huracán เจเนอเรชั่นต่อไปจะเปิดตัวช่วงสิ้นปีนี้ ที่จะได้เครื่อง 4.0 ลิตร V8 เทอร์โบคู่ (ตัวเดียวกันกับ Urus) เสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Axial-flux คันนี้จะสามารถลากรอบไปได้ระดับ 10,000 รอบที่ redline และเทอร์โบจะเข้ามาในช่วง 7,000 รอบ

Stephan Winkelmann CEO ของ Lamborghini

แล้วเรารู้อะไรเกี่ยวกับ Lamborghini Urus บ้าง? สื่อใหญ่อย่าง Carwow ได้แชร์ว่าคันนี้จะแชร์ชิ้นส่วนกับ Porsche Cayenne Turbo E-Hybird ที่ให้พละกำลังที่ 800 แรงม้า วิ่งด้วยแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่างเดียวได้ 80 กม. คาดว่าจะเริ่มวางขายในช่วงปี 2024 พร้อม ๆ กันกับ Huracán ตัวใหม่ Porsche และ Urus ได้ใช้แพลตฟอร์มที่แชร์กันจาก Volkswagen Group อย่างแพลตฟอร์ม MLB-EVO การทำงานของแพลตฟอร์มนี้ถือว่าน่าจะตอบโจทย์ที่สุดแล้ว CEO กล่าวว่า “เราจะใช้เทคโนโลยีบางอย่างจากเครือของเรา”

หากเทียบกับปี 2021 Lamborghini ตั้งเป้าที่จะลดอัตราการปล่อยคาร์บอนลงให้ได้ 40% (รวมถึงโรงงานผลิต การขนส่ง และคลังสิ้นค้าต่าง ๆ) ภายใน 2023

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ของ Lamborghini จะเปิดตัวภายในปี 2028 ตามมาด้วยรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทาง Lamborghini เรียกว่า “Super SUV” ในปี 2029 ด้วยไลน์อัปเหล่านี้ Lamborghini ต้องการลดคาร์บอนให้ได้ 80% ภายในปี 2030 และนี่คือสัญญาณที่ดีของ Lamborghini เกี่ยวกับการเริ่มเกมไฟฟ้าเต็มรูปแบบด้วยการเผยโฉมรถคอนเซ็ปอย่าง Lanzador ที่โชว์ให้เห็นในงาน Monterey Car Week ปี 2023

ภาพ Lamborghini Lanzador รถไฟฟ้า 100% คอนเซ็ป ในงาน Monterey Car Week ปี 2023

Lanzador รถสปอร์ต GT 4 ที่นั่ง รีดกำลัง 1,340 แรงม้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ระยะที่วิ่งได้ประมาณ 483 กม./ชาร์จ ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้น้อยกว่า 3 วินาที และความเร็วสูงสุดเยอะถึง 306 กม./ชม.

รถคอนเซ็ป Lanzador GT 2 ประตู ดูมีความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ด้วยห้องโดยสารที่นั่งได้ถึง 4 คน หรือนั่งหน้า 2 คนและเก็บของตอนหลังก็ทำได้ ที่นั่งตอนหลังสามารถปรับให้เป็นที่เก็บสัมภาระได้ กระโปรงหน้าหรือ frunk เป็นที่เก็บของ และมีช่องเก็บของตอนเพิ่มเติมให้ที่เก็บสัมภาระตอนหลังอีกด้วย

Lanzador ไม่ได้เป็นรถที่โดดเด่นและแปลกตาสำหรับ Lamborghini แต่จะเป็นรถที่ทำมาตอบโจทย์ “Ultra GT 2+2” ที่จะเริ่มวางขายคันจริงในปี 2028

“มอเตอร์ไฟฟ้าจะเปิดทางให้กับไลน์สินค้าของ Lamborghini ทั้งด้านสมรรถนะและประสบการณ์การขับขี่” ถือว่าเป็นการก้าวสู่ยุคใหม่สำหรับรถซุปเปอร์คาร์ Rouven Mohr หัวหน้าฝ่ายเทคนิคกล่าวไว้

Winkelmann มองข้ามผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกาไป เพราะเชื่อว่า Lamborghini ไฟฟ้าจะมีเสน่ห์ด้วยความที่มันเป็น “made in Italy” นั้นเอง ซึ่งเป็นจุดเด่นของแบรนด์มาอย่างยาวนาน

ที่มา : Barrons

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.