ใน ,

ProLogium เปิดตัวแบตเตอรี่ลิเธียมเซรามิก (LCB) รุ่นที่ 4 ใน CES 2025 น้ำหนักเบา ลดต้นทุน ชาร์จเร็ว 80% ใน 6 นาที

ProLogium Technology เปิดตัวแบตเตอรี่ลิเธียมเซรามิก (LCB) รุ่นที่ 4 มาพร้อมความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์ข้อกังวลสำคัญในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง เช่น ระยะทาง ต้นทุน  และความปลอดภัย

ProLogium เปิดตัวแบตเตอรี่ลิเธียมเซรามิก (LCB) รุ่นที่ 4 ใน CES 2025 น้ำหนักเบา ลดต้นทุน ชาร์จเร็ว 80% ใน 6 นาที

การวิจัยของ ProLogium หลายปีจนมาถึงแบตเตอรี่เซรามิก (LCB) รุ่นที่ 4 ที่ร่วมกับ FEV Global แบตเตอรี่ใหม่นี้มีอิเล็กโทรไลต์อนินทรีย์ล้วน 100% ถือเป็นรุ่นแรกของโลก

โดยมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสำคัญ​ 5 ประการ ได้แก่

  • ระยะทางที่เพิ่มขึ้น ขับเคลื่อนด้วยความหนาแน่นของพลังงานที่ยอดเยี่ยม
  • การชาร์จเร็ว ที่เทียบได้กับการเติมเชื้อเพลิง
  • ประสิทธิภาพการทำงานที่อุณหภูมิต่ำ
  • การกระจายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ความปลอดภัยขั้นสูงสุด

ระบบ LCB รุ่นที่ 4 ทำลายกำแพงใหม่ ด้านความหนาแน่นของพลังงาน

ความก้าวหน้าด้านความหนาแน่นของพลังงานของ ProLogium เหนือกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ถึง 99%, 111% และ 150% ในเวลา 3 ปี โดยให้ความหนาแน่นของพลังงาน 380 Wh/kg และ 860 – 900 Wh/L ทำให้ระยะทางดีขึ้น ลดต้นทุนได้มากขึ้น และสามารถออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น

ระบบนี้รองรับเทคโนโลยี Thick-film และ Bi-cell ซึ่งช่วยปูทางไปสู่ความก้าวหน้าด้านประสิทธิภาพของแบตเตอรี่เพิ่มเติม Vincent Yang ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ProLogium กล่าวว่า จากความสำเร็จของบริษัท ทำให้ใกล้จะบรรลุเป้าหมายใน 2026 ที่ทำให้ความหนาแน่นของพลังงานเกิน 450Wh/kg และ 1000Wh/L ด้วยขั้วบวกโลหะลิเธียม ซึ่งอ้างอิงจากผลการทดลองในห้องปฏิบัติการล่าสดของบริษัท

การชาร์จเร็วพอ ๆ กับการเติมน้ำมัน

ระบบ LCB รุ่นที่ 4 ลดเวลาในการชาร์จ โดยชาร์จ 60% ในเวลา 4 นาที และชาร์จ 80% ในเวลาเพียง 6 นาที ซึ่งสะท้อนถึงความสะดวกและรวดเร็วพอ ๆ กับการเติมน้ำมัน ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพและผลกำไรของสถานีชาร์จด้วย

ประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ ในสภาพอากาศหนาวเย็น

แบตเตอรี่ของ ProLogium โดดเด่นในสภาพอากาศเย็นจัด ด้วยการนำไฟไฟฟ้าไอออนิกมากกว่าแบตเตอรี่เหลวแบบเดิม 2-3 เท่าที่อุณหภูมิห้อง แม้ว่าจะอยู่ในอุณหภูมิ -20°C แบตเตอรี่ก็ยังให้ประสิทธิภาพระยะทางที่สม่ำเสมอ ช่วยขจัดความกังวลเกี่ยวกับระยะทางที่ไม่สามารถคาดเดาได้ในสภาวะอากาศรุนแรง

การระบายความร้อนอย่างรวดเร็วและความเสถียรภาพด้านประสิทธิภาพ

ตัวคั่นเซรามิกและทเคโนโลยีเคลือบฟิล์มขั้นสูงของ ProLogium ให้ความสามารถในการนำความร้อนได้ดีกว่าแบตเตอรี่เหลวแบบเดิมถึง 3 เท่า ซึ่งการออกแบบเซลล์ที่มีขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มการกระจายความร้อน และให้ความมั่นใจในความเสถียร แม้จะอยู่ภายใต้สภาวะที่ทำงานหนัก เช่น การขับขี่ด้วยความเร็วสูง

นอกจากนี้ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวแบบระนาบ จะช่วยลดการพึ่งพาการระบายความร้อนแบบแอคทีฟ ลดความถี่ในการเปิดใช้งาน และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยรวม

ความปลอดภัยและมั่นคง

แบตเตอรี่ของ ProLogium ให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัย ขจัดความเสี่งจากก๊าซที่ติดไฟได้ ต่างจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนหรือซัลไฟด์ทั่วไป เนื่องจากอิเล็กโทรไลต์อนินทรีทั้งหมดของ ProLogium ไม่ติดไฟ แม้จะอยู่ภายใต้ความร้อนหรือแรงดันไฟฟ้าสูง ซึ่งกลไกความปลอดภัยขั้นสูง (ASM) จะเปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อพบว่าอุณหภูมิสูง ช่วยป้องกันความร้อนได้

ในการทดสอบความปลอดภัยการชาร์จ ที่ 300°C, 5C, 20V และความจุ 250% พบว่าแบตเตอรี่ยังคงทนไฟและไม่ติดไฟ โดยบรรลุขีดอันตรายระดับ 2 – 3 ความก้าวหน้าเหล่านี้ กำหนดมาตรฐานใหม่ด้านความปลอดภัยในแบตเตอรี่รุ่นต่อไป

ในงาน CES 2025, Vincent Yang ผู้ก่อตั้งบริษัท ProLogium เน้นย้ำว่า นวัตกรรมที่แท้จริง เริ่มต้นจากเคมีหลักของแบตเตอรี่ คือ การลดเวลาในการชาร์จและเพิ่มความปลอดภัย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อระบบนิเวศทั้งหมด และตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น ก็ต่อเมื่อผู้บริโภคไว้วางใจในเทคโนโลยีแบตเตอรี่และสถานี

ด้าน Dr. Thomas Hülshorst รองประธาน FEV Global ผู้ร่วมงาน เสริมว่า เซลล์ความหนาแน่นของพลังงานที่สูงของ ProLogium ช่วยให้มีชุดแบตเตอรี่ขนาดเล็กลงและเบาลง ซึ่งเหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยการรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยของ ProLogium เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของ FEV นั้นเป็นการกำหนดอนาคตของการขนส่งที่ยั่งยืน

ProLogium ตั้งเป้าเริ่มการผลิตนำร่องแบตเตอรี่ลิเธียมเซรามิก (LCB) รุ่นที่ 4 และนำแบตเตอรี่รุ่นต่อไปมาใช้จริงภายในสิ้นปี 2025 นี้

ที่มา prologium, ProLogium Technology

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.