ใน , , , ,

พรีวิวลองขับ MG S5 EV จะเรียก MG4 เวอร์ชัน SUV ก็ไม่ผิด แต่คันนี้อัปเกรดและทำการบ้านมาดีเลย

พรีวิวรอบคันพร้อมลองขับ MG S5 EV รถไฟฟ้าที่มาแทน MG ZS EV แต่เปลี่ยนแปลงโดยพัฒนาจากแพลตฟอร์มของ MG4 ที่โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลังการควบคุมตัวรถทำได้ดีและพละกำลังสูงสุด 245 แรงม้า แรงสุดใน B-SUV ของท้องตลาดและยังชาร์จเร็ว DC 140kW, AC 6.6kW แถม V2L 6kW และยังวิ่งไกลสุด 550 กม. (NEDC) พร้อมอัปเกรดจอใหม่ที่มาพร้อมระบบ iSmart 3.0 ที่ดีกว่าเดิม เชิญชมในคลิปได้เลยครับ

สเปค MG S5 EV

  • มีให้เลือก 2 รุ่นคือ V (รุ่นท็อป 550 กม.) และ X (416 กม.)
  • มิติตัวถัง 4,476 x 1,849 x 1,621 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
  • ระยะช่วงล้อกว้าง 2,730 มิลลิเมตร
  • ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว ทุกรุ่นย่อย
  • ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor
  • รุ่น X ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า (125 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
  • รุ่น V ให้พละกำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า (180 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
  • อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.1 วินาที ในรุ่น V และ 8 วินาที ในรุ่น X
  • ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE)
  • การกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
  • ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน

ข้อมูลแบตเตอรี่

  • MG S5 รุ่น X มาพร้อมแบตเตอรี่ LFP ขนาดความจุ 50 kWh สามารถ วิ่งได้ระยะทาง 416 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC)
  • MG S5 รุ่น V มาพร้อมแบตเตอรี่ NMC ขนาดความจุ 64 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 550 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ถือเป็นยนตรกรรมในรุ่น B-SUV ที่วิ่งได้ไกลที่สุดในคลาส

ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาน้อยกว่า 30 นาที* รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 140 kW รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6 kW ความสะดวกสบาย

  • ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบควบคุมการ เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
  • ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
  • ไฟท้าย และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
  • กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า
  • ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติกระจกบานหน้า
  • กระจังหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ (Active grille)
  • สปอยเลอร์หลัง
  • ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้าพร้อมระบบเตะเปิดอัตโนมัติ
  • หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
  • ราวหลังคาในทุกรุ่นย่อย
  • วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังสังเคราะห์ โดยในรุ่น V มาพร้อมกับรูระบายอากาศ
  • ตกแต่งภายในด้วยวัสดุ Soft touch
  • ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์
  • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  • เบาะนั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  • เบาะนั่งด้านหลัง พนักพิงพับได้ 60:40 พร้อมที่ท้าวแขนและที่วางแก้ว
  • หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว (Digital Multi-Function Display)
  • กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
  • ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • ระบบ Intelligent smart access
  • ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • ที่เก็บสัมภาระท้ายขนาด 453 ลิตร และหลังพับเบาะ 1,441 ลิตร
  • เติมเต็มประสบการณ์การขับขี่ด้วยระบบมัลติมีเดียที่ทันสมัยใช้งานง่าย ทุกฟังก์ชันออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ – การเชื่อมต่อและความบันเทิงที่ไร้ขีดจำกัด เชื่อมต่อทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย สนุกสนานและความบันเทิงแห่งสุนทรียะ
  • ระบบปฏิบัติการ i-SMART 3.0 ที่พัฒนาให้ใช้งานง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น
  • ลำโพง 6 จุด
  • หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12.8 นิ้ว
  • ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สายวัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังสังเคราะห์ โดยในรุ่น V มาพร้อมกับรูระบายอากาศ

การรับประกัน

  • มอเตอร์ แบตเตอรี่และระบบควบคุม รับประกันตลอดอายุการใช้งาน ขายต่อประกันก็ตามไปด้วย
  • ตัวรถรับประกัน 5 ปี หรือ 140,000 กม.

สำหรับราคาจะเปิดตัวที่งาน Motor Show 2025 ในวันที่ 24 มีนาคม 2025 นี้ครับ

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.