บริษัท SAIC Motor ได้เปิดให้จอง MG4 รุ่นใหม่แล้วตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นการอัปเกรดรถแฮทช์แบ็กไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดครั้งใหญ่ โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 73,800 หยวน (ประมาณ 368,000 บาท) มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ส่วนรุ่นที่มาพร้อมแบตเตอรี่แบบ Semi-solid-state จะประกาศราคาในเดือนกันยายน และเริ่มส่งมอบได้ก่อนสิ้นปีนี้
เปิดตัว MG4 ใหม่ พร้อมแบตเตอรี่ Semi-Solid State ราคาพรีเซลล์เริ่มต้นประมาณ 368,000 บาทในจีน
MG4 ใหม่โดดเด่นในฐานะรถยนต์รุ่นแรก ๆ ของโลกที่เปิดตัวด้วยแบตเตอรี่แบบ Semi-Solid State ที่ผลิตจำนวนมาก ทาง SAIC รายงานว่าแบตเตอรี่รุ่นนี้ผ่านการทดสอบการเจาะด้วยเข็ม 3 ทิศทางได้โดยไม่มีควันออกมา และยังทำงานได้ดีขึ้นในสภาพอากาศเย็น
นวัตกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดรถยนต์ขนาดกะทัดรัดที่มีราคาเข้าถึงได้
SAIC ได้ลงทุนประมาณ 500 ล้านหยวน (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาโครงสร้างแบตเตอรี่ที่ทำจากอะลูมิเนียมผสมกับแรร์เอิร์ธ โดยใช้ธาตุแลนทานัม (Lanthanum) และซีเรียม (Cerium) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนทานต่อความร้อน
ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะจาก Qualcomm Snapdragon 8155 และ Oppo
ภายในห้องโดยสารของ MG4 มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นำระบบ MG×Oppo Smart Mobility System มาใช้ ทำให้สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถยนต์ได้อย่างไร้รอยต่อ
มีฟังก์ชันกุญแจดิจิทัล, คำสั่งเสียงด้วย AI, การสะท้อนหน้าจอแอป และรองรับสมาร์ทโฟนได้หลากหลายแบรนด์ไม่ว่าจะเป็น Android, Apple, Huawei, Xiaomi รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ การอัปเดตซอฟต์แวร์แบบ OTA (Over-the-air) จะช่วยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น ระบบจอดรถอัตโนมัติผ่านโทรศัพท์ และระบบนำทางต่อเนื่องจากภายนอกสู่ภายในรถ
สมรรถนะ, ระยะทาง และการชาร์จ
MG4 มาพร้อมมอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ให้กำลัง 120 kW และแรงบิด 250 Nm ทำความเร็วสูงสุดได้ 160 กม./ชม. มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 42.8 kWh ให้ระยะทาง 437 กม. ตามมาตรฐาน CLTC และขนาด 53.9 kWh ให้ระยะทาง 530 กม.
ชาร์จจาก 30% – 80% ใช้เวลาประมาณ 20 นาที และมีอัตราการใช้พลังงานที่ 10.4 kWh/100 กม. นอกจากนี้ ระบบจัดการอุณหภูมิที่ใช้ปั๊มความร้อนยังช่วยรักษาประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้สูงสุดถึง 75% หลังจากอุ่นเครื่องที่อุณหภูมิ -7°C
สำหรับรายละเอียดของแบตเตอรี่แบบ Semi-Solid State จะเปิดเผยในงานเปิดตัวเดือนกันยายน
ขนาดตัวถังและดีไซน์ภายนอกที่ปรับปรุงใหม่
MG4 รุ่นใหม่มีขนาดตัวถังใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยมีความยาว 4,395 มม., กว้าง 1,842 มม., และสูง 1,551 มม. พร้อมระยะฐานล้อ 2,750 มม.
ดีไซน์ภายนอกปรับปรุงใหม่ด้วยโลโก้ MG แบบ LED, ไฟท้าย LED รูปทรงลูกศร และมีสีให้เลือกถึง 6 สี เช่น สีม่วง Donglai และสีแดง Coral ส่วนล้อมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 16 ถึง 17 นิ้ว
ความปลอดภัยของโครงสร้างและความสบายภายในห้องโดยสาร
MG ใช้เทคโนโลยีการรวมแบตเตอรี่แบบ Cell-to-body (CTB) ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในและเพิ่มความแข็งแรงของรถ MG4 มีความแข็งแกร่งของตัวถังถึง 31,000 N⋅m/° ซึ่งทาง MG อ้างว่าสูงกว่ารถ SUV หรูบางรุ่น
นอกจากนี้ระบบแบตเตอรี่ยังผ่านมาตรฐานการกันน้ำ IP67 และ IP69K และผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด SAIC รับประกันระบบขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน
ห้องโดยสารตกแต่งด้วยเบาะหนังสังเคราะห์เกรดเดียวกับที่ใช้สำหรับเด็ก ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน EU Reach มีช่องเก็บของ 30 ช่อง และมีสีเบาะให้เลือกเพิ่มเติม เช่น สีม่วงโรเซ่และสีน้ำเงินเข้ม
เบาะหน้ามาพร้อมพนักพิงแบบในตัวที่มีระบบทำความร้อนและระบายอากาศ ส่วนเบาะหลังสามารถปรับเอนได้สูงสุด 27 องศา และมีหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาพร้อมม่านบังแดดไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
MG4 ยังมาพร้อมฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่และอำนวยความสะดวกขั้นสูงมากมาย เช่น
- ระบบช่วยเหลือการมองเห็นจุดบอดในที่ฝนตกและตอนกลางคืน (เปิดใช้งานผ่าน OTA)
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาพร้อมมุมมองใต้ท้องรถแบบโปร่งใส
- ระบบจอดรถอัตโนมัติระยะไกล พร้อมฟังก์ชันเข้า-ออก
- กระจกหลังแบบตัดแสงเพื่อความเป็นส่วนตัว
- พวงมาลัยแบบมีระบบทำความร้อน
- กระจกแต่งหน้า
พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีขนาด 471 ลิตร และมีช่องเก็บของใต้พื้นอีก 98 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังลงจะสามารถสร้างพื้นที่นอนขนาด 1.87 ตารางเมตรได้ ภายในห้องโดยสารมีขนาดกว้างขวางใกล้เคียงกับรถยนต์ขนาดกลาง สะดวกสบายด้วยที่พักเท้าผู้โดยสารด้านหน้าสามารถเอนได้ 46.4° และความยาวเบาะนั่ง 503 มม.
MG4 มาพร้อม 4 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น Comfort (ระยะทาง 437 กม.) 73,800 หยวน ประมาณ 368,000 บาท
- รุ่น Ease (ระยะทาง 437 กม.) 81,800 หยวน ประมาณ 408,000 บาท
- รุ่น Freedom (ระยะทาง 437 กม.) 90,800 หยวน ประมาณ 452,000 บาท
- รุ่น Smart (ระยะทาง 530 กม.) 105,800 หยวน ประมาณ 525,000 บาท
- รุ่นแบตเตอรี่แบบ Semi-Solid State จะประกาศราคาในเดือนกันยายน
MG4 เป็นรถยนต์แฮทช์แบ็กไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด ในตลาดปัจจุบันจึงถือเป็นคู่แข่งกับ AION UT, Volkswagen ID.3, BYD Dolphin และ Nio Firefly ก็รอติดตามกันต่อไปว่าเราจะได้เห็น MG4 รุ่นใหม่ในบ้านเราเมื่อไหร่
ที่มา carnewschina