ใน ,

BYD เปิดตัว M9 2026 MPV วิ่งไกล 1,163 กม. ราคาเริ่มต้น ประมาณ 1 ล้านบาท ในจีน

BYD ได้เปิดตัวรถ MPV รุ่น 2026 M9 หรือในจีนเรียกว่า BYD Xia รุ่นใหม่นี้มีการปรับปรุงแบตเตอรี่ให้ใหญ่ขึ้น ประหยัดน้ำมันดีขึ้น และอัปเกรดระบบช่วยเหลือการขับขี่

BYD เปิดตัว M9 2026 MPV วิ่งไกล 1,163 กม. ราคาเริ่มต้น ประมาณ 1 ล้านบาท ในจีน

BYD M9 2026 ยังคงเป็นรถ MPV 7 ที่นั่ง ขนาดกลางถึงใหญ่ ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด DM (DM plug-in hybrid) รุ่นที่ 5 ของ BYD ในรุ่นใหม่นี้มี 4 รุ่นย่อย โดย 2 รุ่นย่อยสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ระยะทาง 100 กม. (มาตรฐาน CLTC)

ในขณะที่รุ่น Long Range เพิ่มระยะทางวิ่งไฟฟ้าจาก 180 กม. เป็น 218 กม. การใช้แบตเตอรี่ Blade ที่ใหญ่ขึ้น ยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันในโหมดไฮบริดเหลือเพียง 4.9–5.0 ลิตร/100 กม. (ลดลง 0.4 ลิตร) ทำให้ระยะทางวิ่งรวมทั้งน้ำมันและไฟฟ้าสูงถึง 1,163 กม.

ดีไซน์ภายนอกยังคงใช้กระจังหน้าขนาดใหญ่ลาย Dragon-Scale และแถบไฟหน้าแบบคาดยาว ตกแต่งด้วยโครเมียม ในรุ่นท็อปสุดจะมีการเพิ่ม Lidar บนหลังคา

ส่วนด้านข้างมีประตูสไลด์ไฟฟ้าคู่, เซ็นเซอร์ฉายภาพ เป็นออปชันเสริม, กุญแจแบบ Bluetooth และ NFC, และกระจกแบบเป็นส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง มิติตัวถังยังคงเท่าเดิมคือ ยาว 5,145 มม., กว้าง 1,970 มม., สูง 1,805 มม. และมีฐานล้อ 3,045 มม.

ด้านหลังยังคงใช้ดีไซน์ไฟท้าย Knot ที่เป็นเอกลักษณ์ของ BYD พร้อมไฟส่องสว่างเต็มความกว้าง มีสีภายนอกใหม่ ได้แก่ สีเขียว Ink Bamboo Green, สีม่วง-ทอง Glazed Purple-Gold และสีดำ-ทอง Moon Shadow Black-Gold นอกจากนี้ยังมีสีเดิมให้เลือกอีก 4 สี

ภายในห้องโดยสารของ 2026 M9 มีสีน้ำตาล-เบจ และสีเทา พร้อมไฟ 128 สี, ระบบน้ำหอม และระบบกรองอากาศ PM2.5 เป็นออปชันเสริม, จอกลางขนาด 15.6 นิ้ว ใช้ระบบ DiLink 150 ซึ่งรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง DeepSeek AI, โหมดเฝ้าระวัง (Sentinel mode), คาราโอเกะแบบไม่ใช้ไมโครโฟน และการเชื่อมต่อโทรศัพท์ข้ามแบรนด์

นอกจากนี้ยังมีจอหน้าปัด 12.3 นิ้ว, จอ W-HUD ขนาด 26 นิ้ว (เฉพาะในรุ่นท็อป) และจอความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารขนาด 12.3 นิ้ว เป็นออปชันเสริม

ยังคงมีปุ่มควบคุมแบบกายภาพอยู่ใต้หน้าจอสัมผัส และมีที่ชาร์จไร้สาย 50W เป็นมาตรฐาน ระบบเสียง DiSound Dolby Atmos มีลำโพง 12 หรือ 24 ตัว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย พร้อมออปชันลำโพง 28 ตัว และลำโพงแบบถอดออกได้สำหรับใช้งานภายนอก

รุ่นท็อปสุดมาพร้อมระบบ God’s Eye B ของ BYD ซึ่งมี Lidar, ระบบช่วยนำทางในเมือง (City navigation assist) และความสามารถในการจอดรถอัตโนมัติที่เก่งขึ้น ส่วนรุ่นย่อยระดับกลางยังคงใช้ระบบ God’s Eye C ที่รองรับการขับขี่บนทางหลวง

การจัดที่นั่งในห้องโดยสารเป็นแบบ 2+2+3 เบาะคู่หน้ามีระบบอุ่น, ระบายอากาศ, บันทึกตำแหน่งที่นั่ง และฟังก์ชันนวด ส่วนเบาะกัปตันซีท แถวที่ 2 มีที่รองขา, โต๊ะพับ, ระบบระบายอากาศ และระบบเสียงในตัวที่พนักพิงศีรษะ

เบาะแถวที่ 3 สามารถพับด้วยไฟฟ้าและปรับเอนได้หลายระดับ พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถมีขนาด 470 ลิตร และขยายได้ถึง 2,036 ลิตร

ในรุ่นที่สูงขึ้นยังมีตู้เย็นควบคุมอุณหภูมิ, หลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบสองส่วน, จอบันเทิงด้านหลัง 15.6 นิ้ว และช่องแอร์สำหรับระบบปรับอากาศแบบหลายโซน

ระบบปลั๊กอินไฮบริด 1.5T ให้กำลัง 115 kW จากเครื่องยนต์ และ 200 kW จากมอเตอร์ไฟฟ้า อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. ทำได้ใน 8.1 ถึง 8.5 วินาที

รุ่นนี้ใช้ระบบช่วงล่างอัจฉริยะ DiSus-C ของ BYD ที่มีการสแกนถนนล่วงหน้า เพื่อลดการโคลงตัวของรถและเพิ่มเสถียรภาพ ระบบนี้ยังมีอัลกอริทึมป้องกันการเมารถ ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมระบบ TBC ควบคุมการระเบิดของยาง และรองรับ V2L

BYD M9 มีราคาอยู่ระหว่าง 206,800 ถึง 269,800 หยวน (ประมาณ 1.05 ล้าน – 1.38 ล้านบาท) และด้วยส่วนลด Trade-in ในช่วงเวลาจำกัด ทำให้ราคาเริ่มต้นลดเหลือ 196,800 หยวน (ประมาณ 1 ล้านบาท)

ในตลาดรถ MPV แบบปลั๊กอินของจีนในช่วงราคา 200,000–300,000 หยวน (ประมาณ 1.02 ล้าน – 1.53 ล้านบาท), BYD M9 ต้องแข่งขันกับ Buick GL8 Land Business Edition PHEV (249,900–289,900 หยวน / ประมาณ 1.27 – 1.48 ล้านบาท) และ Maxus MIFA 9 PHEV (259,900–349,900 หยวน / ประมาณ 1.33 – 1.78 ล้านบาท)

เมื่อเทียบกับคู่แข่งเหล่านี้ M9 มีระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าที่ไกลกว่า อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในโหมดไฮบริดที่ต่ำกว่า และมีระบบช่วยขับขี่ที่ล้ำหน้ากว่า ในเดือนกันยายน BYD ขาย M9 ได้ 1,467 คัน อยู่ในอันดับที่ 15 ของกลุ่มรถ MPV ขนาดใหญ่ในจีน

ที่มา carnewschina

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.