ใน ,

Ford ขาดทุน 5 พันล้านเหรียญ ทุ่มให้กับรถ EV ในปี 2024

Ford รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 และทั้งปี 2024 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยได้คาดการณ์ว่าปี 2025 จะเป็นปีที่ท้าทายยิ่งขึ้นสำหรับแบรนด์ และได้อธิบายว่าเป็น “แรงกดดันจากปัจจัยของตลาด” ที่สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจรถ EV ของแบรนด์ต้องใช้เวลาอีกยาวไกลจนกว่าจะสามารถทำกำไรได้

Ford ขาดทุน 5 พันล้านเหรียญ ทุ่มให้กับรถ EV ในปี 2024

Ford รายงานว่าธุรกิจรถ EV และซอฟต์แวร์ขาดทุน 5.1 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 185,000 ล้านบาท) ในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 4.7 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 170,000 ล้านบาท) ในปี 2023 และคาดว่าจะขาดทุนสูงสุดถึง 5.5 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 200,000 ล้านบาท) ในปี 2025 แม้จะมีการปรับปรุงต้นทุนในแผนก Model e แล้วถึง 1.4 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 50,800 ล้านบาท)

Ford Doubles EV Production | GreenCars

ธุรกิจรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปที่ยังคงทำกำไร

แม้รถ EV ของ Ford จะยังคงขาดทุน แต่รถยนต์สันดาปของ Ford ยังคงสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ทำให้แบรนด์มีกำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 5.9 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 214,000 ล้านบาท) และรายได้ที่ปรับแล้วอยู่ที่ 10.2 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 370,000 ล้านบาท)

Ford เตือนว่ากำไรของแบรนด์ในปี 2025 อาจลดลงถึง 2 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 70,000 ล้านบาท) หรือเนื่องจากต้นทุนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่สูงขึ้น และราคารถยนต์ที่ลดลง

Brands

ผลกระทบจากนโยบายภาษี และสิทธิประโยชน์ EV

Ford ระบุว่ายังไม่ได้รวมต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้นจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ที่ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโก และแคนาดา (ปัจจุบัน ทรัมป์ได้เลื่อนภาษีดังกล่าวออกไปอีกหนึ่งเดือน) นอกจากนี้ Ford ยังไม่ได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่สิทธิประโยชน์ด้านภาษี และเงินสนับสนุนการผลิตรถ EV ในยุคของประธานาธิบดี Joe Biden จะถูกยกเลิก

James D. Farley, Jr. | Ford Media Center

CEO ของ Ford อย่าง Jim Farley กล่าวในการประชุมผลประกอบการว่า แม้ว่าภาษีจะถูกบังคับใช้เพียงไม่กี่สัปดาห์ แบรนด์สามารถจัดการได้ แต่หากเป็นระยะยาวจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรม โดยอาจทำให้กำไรของอุตสาหกรรมหายไปเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท ส่งผลเสียต่อการจ้างงานในสหรัฐฯ นอกจากนี้ Jim คาดการณ์ว่าภาษีดังกล่าวจะทำให้ราคารถยนต์สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภค

Ford ยังคงตามหลังคู่แข่งในตลาด EV

ขณะที่ General Motors (GM) ได้เปิดตัวรถ EV รุ่นใหม่หลายรุ่นในปีที่ผ่านมา ทั้ง Chevrolet และ Cadillac แต่ Ford ยังคงมีเพียง 3 รุ่นที่วางจำหน่าย สำหรับธุรกิจ EV ของ GM กำลังมีสัญญาณของความสามารถในการทำกำไร ในขณะที่ Ford ยังคงดิ้นรนกับปัญหานี้

นอกจากนี้ Ford ยังได้ยกเลิกแผนการพัฒนารถ SUV ไฟฟ้า 7 ที่นั่ง โดยเปลี่ยนไปให้ทีมพัฒนาในซิลิคอนแวลลีย์มุ่งเน้นการผลิตรถ EV ราคาประหยัดแทน

Ford to develop electric seven-seater SUV – report

กลยุทธ์ของ Ford ในอนาคต

Ford วางแผนที่จะเปิดตัวรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนหลากหลายรูปแบบ ได้แก่:

  • แบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEV)
  • ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
  • รถ EV แบบระยะขยาย (Extended-Range EV) ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถให้ระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 1,126 กิโลเมตร (700 ไมล์)

Farley ระบุว่า Ford จะใช้แพลตฟอร์มตัวถังแบบ body-on-frame และ unibody ที่ออกแบบมาให้รองรับพลังงานหลายรูปแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

แม้ Ford จะยังคงเผชิญความท้าทายในธุรกิจรถ EV แต่แบรนด์ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาและปรับกลยุทธ์เพื่อแข่งขันในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ที่มา : The Verge

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.