ถ้าหากพูดถึงการบำรุงรักษารถยนต์ทั่วไป เราก็จะไม่ค่อยนึกถึง “ที่ปัดน้ำฝน” กันมากนัก เพราะว่าอาจจะเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของรถยนต์ แต่ถ้าเข้าสู่ฤดูฝนหรือช่วงมรสุมแล้ว เราอาจจะต้องคำนึงถึงคุณภาพที่ปัดน้ำฝน เพื่อให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ปลอดภัย ในบทความนี้ทีมงานจะมาแนะนำการเช็คสภาพและการดูแลรักษาเบื้องต้นของที่ปัดน้ำฝนกัน
เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เช็คที่ปัดน้ำฝนรถยนต์กันหน่อย ชมวิธีตรวจสภาพและวิธีดูแลรักษาที่นี่
วิธีเช็คสภาพที่ปัดน้ำฝน ว่าควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนใหม่แล้วหรือยัง?
หากเราต้องการทราบว่าเราควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนหรือยางปัดน้ำฝนเมื่อไหร่ วิธีเช็คก็ง่าย ๆ เลย เริ่มต้นให้เราลองฉีดน้ำทีกระจกแล้วเปิดที่ปัดน้ำฝน จากนั้นฟังจากการทำงานว่ามีเสียงดังคล้ายกระจกถูกกรีดหรือไม่ ถ้ามีเสียงดัง รวมถึงปัดไม่สะอาด มีเส้นคราบฝุ่นติดอยู่ แสดงว่าใบปัดเสื่อมสภาพ
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้มือลูบใบปัดเบาๆ หากรู้สึกว่าไม่เรียบหรือยางมีความแข็งตัว ก็แสดงว่าใบปัดเริ่มเสื่อมสภาพแล้วเช่นกัน ควรถึงเวลาที่จะเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนแล้ว
5 วิธีดูแลรักษาที่ปัดน้ำฝนรถยนต์
1. ทำความสะอาดกระจกหน้ารถบ่อย ๆ
กระจกหน้ารถจะสะสมฝุ่นเหมือนกับส่วนอื่น ๆ ของรถ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ฝุ่นละอองก็จะแข็งตัว ดังนั้นเวลาที่เราเปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝนปัดกระจกที่สกปรกก็จะทำให้กระจกไม่สะอาด ถึงแม้ว่าจะฉีดน้ำพร้อมปัดแล้วก็ตาม กระจกก็ยังคงมีร่องรอยหรือคราบฝุ่นติดอยู่
และที่สำคัญฝุ่นเหล่านี้ก็จะทำลายยางปัดน้ำฝนไปด้วย ส่งผลให้ที่ปัดกระจกส่งเสียงดัง แนะนำว่าเราควรจะทำความสะอาดหน้ารถอยู่สม่ำเสมอ โดยล้างน้ำ และใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ที่สะอาดและนุ่มเช็ดกระจกหน้ารถ ซึ่งผ้าที่ใช้นั้นควรจะแยกเป็นผ้าสำหรับเช็ดกระจกเท่านั้น เพื่อถนอมกระจกให้ใสสะอาด
สำคัญ แนะนำว่าให้ใช้น้ำยาเคลือบกระจกที่มีคุณภาพช่วยเคลือบกระจกอีกครั้งหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ การเคลือบกระจกจะช่วยป้องกันน้ำมาเกาะกระจก ลดการเสียดสีระหว่างใบปัดน้ำฝนและกระจก ช่วยให้การปัดน้ำฝนไหลลื่นมากขึ้น
2. ห้ามปัดกระจก เวลาที่กระจกหน้ารถแห้ง
การเปิดที่ปัดหน้าฝนปัดกระจกหน้ารถที่แห้ง อาจส่งผลให้ยางปัดน้ำฝนเสียหายอย่างถาวร และอาจะทำให้กระจกหน้ารถมีรอยขีดข่วนจากเศษฝุ่นต่าง ๆ ที่ติดอยู่
ที่ปัดน้ำฝนถูกออกแบบใช้เมื่อกระจกหน้ารถเปียก ดังนั้น เวลาที่เราต้องการปัดกระจกโดยไม่มีฝนตก แนะนำว่าให้เราเปิดน้ำฉีดกระจกก่อน แล้วค่อยเปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝน เพื่อป้องกันการเสียดสีของเศษฝุ่นกับกระจก และควรจะเติมน้ำฉีดกระจกให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ
3. ทำความสะอาดยางปัดน้ำฝนบ่อย ๆ
นอกจากกระจกจะมีฝุ่นสะสมแล้ว ใบปัดน้ำฝนก็มีฝุ่นสะสมด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นเราก็ควรทำความสะอาดยางปัดน้ำฝนอยู่เป็นประจำ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองสะสมเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะทำให้กระจกหน้ารถเสียหายเมื่อเปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝน
วิธีการทำความสะอาดใบปัดน้ำฝนก็ง่าย ๆ เลย ใช้น้ำล้าง และใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ที่สะอาดและนุ่มเช็ดทำความสะอาด ถ้าหากฝุ่นเกาะเป็นจำนวนมาก แนะนำว่าให้ใช้นำยาล้างจานช่วยขจัดคราบสกปรกออก หลีกเลี่ยงการใช้สารทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรงในการทำความสะอาด เพราะจะทำให้ขอบยางเสียหายได้
4. ขันที่ปัดน้ำฝนให้แน่น
ควรเช็คที่ปัดน้ำฝนอยู่เสมอว่าน็อตยึดติดแน่นหรือไม่ เพื่อให้ที่ปัดน้ำฝนไม่หลวม สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถทำได้โดยถอดฝาครอบพลาสติกออกและใช้ไขควงขันสกรูให้เข้าสู่ตำแหน่งเดิม ไม่หลวมและไม่แน่นเกินไป
5. เปลี่ยนยางปัดน้ำฝน เมื่อเสื่อมสภาพ
ยางปัดน้ำฝนทำจากวัสดุยาง เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ก็จะเสื่อมสภาพและแข็งตัว โดยเฉพาะเมื่อเจอแสงแดดก็จะทำให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นเมื่อยางที่ปัดน้ำฝนเริ่มแข็งตัวให้เราทำการเปลี่ยนยางให้เรียบร้อย เพื่อลดโอกาสที่ยางจะเสียดสีและทำให้กระจกหน้ารถเกิดรอยขีดข่วน ควรเปลี่ยนเป็นประจำทุกปี หรือเมื่อผ่านหน้าร้อนก่อนเข้าสู่ฤดูฝนก็ควรเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย
6. ห้ามยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น เมื่อจอดตากแดด
เนื่องจากสปริงที่ใช้กดน้ำหนักให้หน้าสัมผัสของยางที่แนบกับกระจกอาจเกิดอาการล้าและกดน้ำหนักลงกระจกได้ไม่ทั่วถึง
ที่ปัดน้ำฝนที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันมีหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งแต่ละประเภทก็แตกต่างกันไป เช่น
- ที่ปัดน้ำฝนแบบธรรมดา แบบนี้จะมีราคาถูกที่สุดในตลาด ประสิทธิภาพการใช้งานเพียงพอสำหรับการขับขี่ทั่วไป และต้องได้รับการตรวจเช็ค ดูแล และเปลี่ยนยางเสมอ
- ที่ปัดน้ำฝน ประเภทสปอยเลอร์ จะมีสปอยเลอร์ที่ยาวตลอดก้าน ทำให้แนบกับกระจกมากกว่า เมื่อปัดด้วยความเร็วสูง
- ที่ปัดน้ำฝน แบบแบน จะมีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง มีใบปัดน้ำฝนแบบแบน ทนทาน มีความยืดหยุ่นต่อสภาพของกระจกหน้ารถ ปัดน้ำฝนอย่างมีประสิทธิภาพ
- ที่ปัดน้ำฝน แบบเฉพาะเจาะจง
- ที่ปัดน้ำฝนแบบเฉพาะเจาะจงจะถูกออกแบบมาสำหรับรถบางรุ่นโดยเฉพาะ ไม่ได้มีไว้สำหรับกระจกรถขนาดทั่วไป หรืออาจจะเป็นที่ปัดกระจกด้านหลังของรถ ซึ่งจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิตแต่ละราย และอาจจะมีเฉพาะรถรุ่นใดรุ่นหนึ่ง อาจมีให้เลือกทั้งแบบธรรมดาและแบบแบน
ที่ปัดน้ำฝนราคาแพงก็อาจจะมีคุณภาพดี มีอายุการใช้งานยาวนาน และให้ประสิทธิภาพการปัดกระจกที่ดีกว่าเกรดทั่วไป ในช่วงหน้าฝนเราก็อาจจะเลือกที่ปัดน้ำฝนคุณภาพดี เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ
แต่ที่ปัดน้ำฝนก็เป็นอุปกรณ์ที่ต้องเปลี่ยนบ่อย เราอาจจะเปลี่ยนเป็นแบบธรรมดาในช่วงที่ไม่ใช่หน้าฝนหรือไม่ค่อยได้ใช้งานก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและงบประมาณของแต่ละคน
แนะนำ BLAUPUNKT ใบปัดน้ำฝน รุ่น Velocity Wiper Blade
ที่ปัดน้ำฝนคุณภาพดี มาตรฐานเยอะมัน ใช้ได้ทั้งรถญี่ปุ่นและรถยุโรป พร้อมแถมอะแดปเตอร์ 3 ชิ้น สินค้าของแท้ มั่นใจได้ สั่งซื้อหรือดูรายละเอียดได้ที่ https://bit.ly/3QhWt06
ที่ปัดน้ำฝนเนื้อยางสูตรใหม่ ออกแบบพิเศษ เพื่อใช้งานในประเทศเขตร้อน การออกแบบด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ใบปัดโค้งรับกับรูปร่างของกระจกรถยนต์ ทำให้มีการใช้แรงกดตามความยาวของใบปัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอบยางเรียบคม ปัดกวาดสิ่งสกปรกออกได้อย่างหมดจด
ที่มา acko , yangnopparat เรียบเรียงโดย iMoD