การวิจัย Automotive Auction ในออสเตรเลียเผยว่า แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าที่อุตสาหกรรมเคยคาดการณ์ไว้ งานวิจัยจากรถยนต์ไฟฟ้ามือสองกว่า 250 คัน พบว่า แบตเตอรี่ของรถยนต์ EV ยังคงรักษาความจุได้ถึง 90% แม้ว่ารถจะวิ่งไปมากกว่า 120,000 กม. (75,000 ไมล์) แล้วก็ตาม
กรณีศึกษาใหม่เผย แบตเตอรี่รถยนต์ EV ที่ใช้แล้ว ยังคงสภาพดี 90% หลังจากขับขี่กว่า 120,000 กม.
ข้อมูลจากงานวิจัยนี้มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างมาก เพราะช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ที่ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้หลายคนลังเลที่จะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากราคาของแบตเตอรี่ยังคงสูงมาก ผู้บริโภคจึงกังวลเกี่ยวกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ และมองว่าการเลือกใช้รถไฟฟ้าอาจไม่คุ้มค่าในระยะยาว
จากผลการวิจัยพบว่า แบตเตอรี่ของรถยนต์ EV มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในตลาดรถใหม่และตลาดรถมือสอง
ปัจจุบัน หลายประเทศให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งบางประเทศได้กำหนดเวลายุติการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในแล้ว เพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ปัญหาเกี่ยวกับระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง จำนวนสถานีชาร์จที่ยังไม่เพียงพอ และความเสื่อมของแบตเตอรี่ ก็ยังคงมีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ ๆ และงานวิจัยที่กำลังดำเนินการอยู่ จะช่วยยืนยันว่าการลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้าอาจคุ้มค่าในระยะยาว
สิ่งสำคัญที่ค้นพบจากการศึกษา
งานวิจัยโดย Pickles Automotive Solutions ได้ทำการตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นที่มาจากหลากหลายช่วงราคา อายุการใช้งาน และประเทศผู้ผลิต พบว่า:
- รถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งไปแล้ว 120,000 – 160,000 กม. (75,000 – 100,000 ไมล์) ยังสามารถรักษาความจุของแบตเตอรี่ไว้ได้มากกว่า 90%
- รถที่ใช้งานไปแล้ว 40,000 – 80,000 กม. (25,000 – 50,000 ไมล์) มีอัตราการคงสภาพของแบตเตอรี่อยู่ที่ 94.6%
- รถที่ใช้งานน้อยกว่า 20,000 กม. (12,500 ไมล์) มีแบตเตอรี่ที่คงความจุไว้สูงถึง 98.2%
ข้อมูลจาก Pickles Automotive Solutions ตรงกับข้อสังเกตของ Brendon Green ซึ่งกล่าวว่า ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ ผลการศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่า แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าที่หลายคนเคยคาดคิด ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์ EV
Hyundai และ BYD ทำได้ดีกว่า Tesla ในด้านการรักษาประสิทธิภาพแบตเตอรี่
งานวิจัยยังเผยให้เห็นว่า รถยนต์ของ Tesla มีประสิทธิภาพในการรักษาความจุของแบตเตอรี่น้อยกว่ารถของ Hyundai และ BYD
- Hyundai มีอัตราการคงสภาพของแบตเตอรี่ดีที่สุด โดยหลังจากใช้งานไป 39 เดือน และวิ่งเป็นระยะทาง 29,237 กม. (18,000 ไมล์) แบตเตอรี่ยังคงความจุได้เฉลี่ย 99.31%
- BYD มีอัตราการคงสภาพของแบตเตอรี่ที่ 98.62% หลังจากใช้งานไป 17 เดือน และวิ่งไป 15,619 กิโลเมตร (9,000 ไมล์)
- Tesla มีประสิทธิภาพในการรักษาความจุของแบตเตอรี่ต่ำที่สุด โดยอยู่ที่ 93.3% หลังจากใช้งาน 27 เดือน และวิ่งเป็นระยะทาง 42,263 กม. (26,000 ไมล์)
ข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ว่า Hyundai และ BYD มีระบบจัดการแบตเตอรี่ที่สามารถปกป้องแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าของ Tesla ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคควรคำนึงถึงเมื่อตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเรื่องของมูลค่าขายต่อและค่าบำรุงรักษาในระยะยาว
ผลการศึกษานี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลียและหลาย ๆ ประเทศ ที่กำลังมีอัตราการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น งานวิจัยชิ้นนี้ช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจมากขึ้นว่าการซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสองเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเชื่อถือได้ เนื่องจากแบตเตอรี่ยังคงมีประสิทธิภาพดีแม้ผ่านการใช้งานมาหลายปี
นอกจากนี้ การค้นพบว่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของเจ้าของรถที่อาจต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ในอนาคต คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีความน่าสนใจยิ่งขึ้น และอาจช่ วยเร่งการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้เร็วขึ้น
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอายุการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขจัดความเข้าใจผิดและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั่วโลกต่อการใช้พลังงานสะอาดในอนาคต
ที่มา vehiclesuggest