Sakura P.
รถไฟฟ้าซีดาน Xiaomi SU7 เคยเผยภาพแรกและสเปคเบื้องต้นจาก MIIT ประเทศจีนเมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดก้ถูกพบเห็นระหว่างวิ่งทดสอบในประเทศจีน ซึ่งภาพ Spyshot ครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นการออกแบบทั้งภายในและภายนอกของรถ ไปชมกัน
พบ Xiaomi SU7 พรางตัววิ่งทดสอบในจีน เห็นการออกแบบภายนอกและภายใน เตรียมเข้าสู่ตลาดจีนต้นปี 2024
จากภาพ Spyshot รถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi SU7 ที่พรางตัวนั้น ภายนอกเห็นได้ว่ารถมีเซ็นเซอร์ LiDAR บนหลังคาด้านหน้า และมีสปอยเลอร์แบบแอคทีฟที่ท้ายรถ นอกจากนี้ จุดสังเกตที่เสา B พบว่ามีเซ็นเซอร์ Face ID ด้วย คาดว่ารถคันนี้จะเป็น Xiaomi SU7 Max
Xiaomi SU7 ถูกออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ มือจับประตูเรียบไปกับตัวรถ มาพร้อมไฟหน้าแบบเส้นยาว แนวฝากระโปรงรถลาดเอียง รวมถึงเสา A ก็เป็นแบบเอียงด้วย
ด้านท้ายรถมีชุดไฟท้ายแบบยาวพาดเต็มหลังรถ กระจกด้านข้างมีขนาดเล็ก ซุ้มล้อรถค่อนข้างกว้าง ล้อเป็นแบบ 5 ก้าน มาพร้อมกับคาลิปเปอร์เบรคสีเหลือง ผู้คนในประเทศจีนให้ฉายาว่า Taycan for young people
สำหรับการออกแบบภายในที่มองเห็นได้จากภาพนั้นพบว่า Xiaomi SU7 มาหน้าจอขนาดใหญ่ตรงกลาง และมีแผงหน้าปัดสำหรับคนขับด้านหลังพวงมาลัย
โดยพวงมาลัยของ SU7 นั้นเป็นแบบ 3 ก้านท้ายตัด มีปุ่มสลับโหมดการขับขี่และมีโลโก้ Xiaomi อยู่ตรงกลาง ด้านหลังพวงมาลัย ยังสังเกตเห็นเซ็นเซอร์ Face ID และตัวเลือกเกียร์ นอกจากนี้ข่าวลือยังเผยว่า SU7 มีหน้าจอ HUD ด้วย
สเปกเบื้องต้นของ Xiaomi SU7
- มิติตัวถัง ยาว 4,997 มม. กว้าง 1,963 มม. สูง 1,440 มม. ระยะฐานล้อ 3,000 มม. (เมื่อเทียบกับ BYD Seal แล้ว SU7 ยาวกว่า 197 มม. กว้างกว่า 88 มม. ต่ำกว่า 20 มม.)
- ล้อขนาด 19 นิ้ว ยางขนาด 245/45 R19 และล้อขนาด 20 นิ้ว ยางขนาด 245/40 R20
- ระบบส่งกำลังมีตัวเลือก 2 แบบ คือ ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) และขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD)
- รุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) มาพร้อมพละกำลัง 295 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LFP) จาก BYD น้ำหนัก 1,980 กก.
- รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) มาพร้อมพละกำลัง 664 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 265 กม./ชม. แบตเตอรี่แบบ Ternary (NMC) จาก CATL น้ำหนัก 2,205 กก.
Xiaomi SU7 ผลิตโดยบริษัท BAIC เตรียมเข้าสู่ตลาดจีนในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 โดยจะมีการเผยรายละอียดในเดือนธันวาคมนี้ คาดว่าราคาจะอยู่ที่ประมาณ 300,000 หยวน (42,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 1.5 ล้านบาท)
ที่มา carnewschina
