Nuttanon P.
จากข้อมูลของ Alixpartners ระบุว่า จาก 137 แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนในปัจจุบัน จะมีเพียง 19 แบรนด์เท่านั้นที่จะทํากำไรได้ในช่วงปลายทศวรรษนี้ (ปี 2030)
นักวิเคราะห์เผยเพียง 1 ใน 7 แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนจะทำกำไรได้ในปี 2030
ความกลัวของผู้ผลิตรถยนต์ชาวตะวันตกต่อการแข่งขันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และสงครามราคาจากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่เรารู้กันดี แต่ยังมีอีกหลากหลายแบรนด์ในจีนที่เรายังไม่รู้จักมากมาย และด้วยเหตุผลนี้ ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าจะมีเพียง 1 ใน 7 ของบริษัทจีนในปัจจุบันเท่านั้นที่จะยังคงทําเงินได้ในช่วงปลายทศวรรษนี้
XPENG MONA M03
ปัจจุบันมีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด 137 แบรนด์ที่ดําเนินอยู่ในประเทศจีนตามข้อมูลของ Alixpartners แต่นักวิเคราะห์คิดว่าเพียง 19 แบรนด์เท่านั้นที่จะทํากําไรได้ภายในปี 2030
อัตราการคาดเดาที่โหดร้ายนี้เกิดจากสงครามราคาอันดุเดือด ซึ่งดําเนินไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในตลาดภายในประเทศของจีนและไม่มีวี่แววว่าจะยอมแพ้
บริษัทที่โดดเด่นอย่าง BYD มีอัตรากําไรขั้นต้นที่ช่วยให้แบรนด์ผลักดันราคาลงครั้งแล้วครั้งเล่า สลัดตัวออกจากคู่แข่งที่อัตรากําไรขั้นต้นอาจจะได้ไม่เยอะ ทำให้เจ้าอื่น ๆ ถูกบังคับให้ลดราคารถของตัวเองเพื่อเอาตัวรอดอยู่ในเกมให้ได้
สงครามราคาได้ส่งผลกระทบต่อแบรนด์จีนบางแบรนด์แล้ว รวมถึง WM Motor ซึ่งยื่นฟ้องล้มละลายในปี 2023 และ Alixpartners คาดว่าจะมีอีกหลายแบรนด์ตามมาแน่นอน
แบรนด์ WM Motor (WM รุ่น W5)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าแบรนด์ที่ไม่สามารถทํากําไรได้จะถูกบีบให้ออกจากอุตสาหกรรมโดยสิ้นเชิง หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทาง เพื่อเพียงแค่ไล่ตามส่วนแบ่งเล็กน้อยของตลาดรถยนต์เท่านั้น Bloomberg รายงาน
ทาง BYD และ Tesla จำเป็นต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับตําแหน่งจุดยืนของพวกเขาให้ได้อยู่เสมอ เมื่อเดือนที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญของ Alixpartners กล่าวว่าพวกเขาคาดว่าผู้ผลิตรถยนต์ของจีนจะคว้า 33% ของตลาดรถยนต์ทั่วโลกภายในปี 2030
สิ่งที่น่าตกใจคือในรายงานล่าสุด มีพนักงานในจีนจำเป็นต้อวทํางานล่วงเวลาในโรงงานรถยนต์จากแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ ๆ ในจีนไม่น้อย
พวกเขาถูกบีบบังคับให้ทํางานเพิ่มอีก 140 ชั่วโมงทุกเดือน เทียบกับจากเดิมที่เคยเพิ่มการทำงานสูงสุด 20 ชั่วโมงสําหรับชั่วโมงสำหรับโรงงานรถยนต์แบบดั้งเดิม
ที่มา : Carscoops
