การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในสภาพอากาอย่างร้อนประเทศไทยนั้น ก็อาจจะต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรักษาในเรื่องของการใช้งานและการชาร์จ เพื่อถนอมแบตเตอรี่และสามารถใช้รถได้ยาวนานมากขึ้น เรามาชมกันว่าข้อแนะนำในการดูแลรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อใช้งานในสภาพอากาศร้อนนั้นมีอะไรบ้าง
แนะนำ 5 วิธีดูแลรักษารถยนต์ไฟฟ้า (EV) เมื่อใช้งานในสภาพอากาศร้อน อุณหภูมิสูง
1. ควรจอดรถในที่ร่ม
หากเราต้องไปห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต หรือสถานที่ต่าง ๆ ในวันที่อากาศร้อนจัด แนะนำว่าให้นำรถไปจอดในที่ร่ม เนื่องจากจะช่วยลดอุณหภูมิของรถและป้องกันแบตเตอรี่ที่ได้รับผลกระทบจากความร้อนที่สูงเกินไป
อ้างอิงข้อมูลจาก National Renewable Energy Laboratory การจอดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลางแจ้ง ร้อนจัด มีแสงแดดส่องโดยตรง อาจจะทำให้อุณหภูมิของแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 12F ซึ่งการจอดรถในที่ร่วมจะช่วยรักษาอุณหภูมิแบตเตอรี่ให้เท่าหรือต่ำกว่าอุณหภูมิแวดล้อมได้
2. จำกัดการชาร์จแบตเตอรี่สูงสุดที่ 80%
การชาร์จแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20-80% นั้น จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ เนื่องจากการชาร์จให้แบตเตอรี่สูงกว่า 80% นั้น อาจจะทำให้แบตเตอรี่เกิดความเครียดและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
แต่ไม่ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงการชาร์จ 100% ไปเลย แนะนำว่าควรชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วย AC Charge และ DC Charge ให้เต็ม 100% อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้ระบบทำการปรับสมดุลแรงดันภายใน และทำให้เซลล์ทุก ๆ โมดูลได้มีการชาร์จประจุเข้าไปด้วย ถ้าหากบางโมดูลในช่วง 80-100% ไม่ได้มีการอัดไฟในระยะเวลานาน ๆ อาจจะส่งผลให้เสื่อมสภาพและไม่สามารถเก็บประจุได้
3. ใช้เครื่องปรับอากาศเท่าที่จำเป็น
ไม่ควรปรับระดับความเย็นของแอร์สูงสุดแบบกระทันหัน ถ้าหากภายในรถร้อนมาก แนะนำให้สตาร์ตรถและเปิดแอร์ด้วยระดับเริ่มต้นก่อน เพื่อควบคุมและรักษาอุณหภูมิภายในรถล่วงหน้าก่อนที่เราจะเข้าไป
รวมถึงเวลาที่เสียบชาร์จรถอยู่ ก็ควรเปิดแอร์ก่อนถอดสายชาร์จ ถ้าหากเราถอดสายชาร์จแล้วเปิดแอร์ทีหลัง พลังงานในแบตเตอรี่จะลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากแอร์ใช้พลังงานที่เพิ่งชาร์จไป ส่งผลให้ระยะทางในการเดินทางน้อยลงด้วย
4. ตรวจสอบแรงดันลมยางเสมอ
ไม่ควรเติมลมยางมากเกินไป เนื่องจากเมื่อความร้อนสูงจะทำให้ยางขยายตัว ส่งผลให้ลดระยะทางการวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้า ดังนั้นควรตรวจสอบแรงดันลมยางสม่ำเสมอและปรับลมยางตามควาสมจำเป็น สามารถตรวจสอบค่าแรงดันลมยางที่แนะนำได้ในคู่มือ หน้าจอในรถ หรือข้างประตูคนขับ เพื่อเติมลมยางด้วยค่าที่ถูกต้อง เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่โดยรวมได้
5. หลีกเลี่ยงการชาร์จเร็ว DC ในอากาศร้อน
ความร้อนหรืออุณหภูมิสูงส่งผลต่อความเร็วในการชาร์จ หากเราไม่ได้เดินทางไกลหรือไม่จำเป็นต้องชาร์จระหว่างทาง อาจจะหลีกเลี่ยงการชาร์จเร็วแบบ DC ควรชาร์จ AC จากที่บ้าน สำนักงาน หรือหัวชาร์จ AC อื่น ๆ
แต่ในกรณีที่เราต้องเดินทางไกล จำเป็นจะต้องเข้าสถานีชาร์จเร็ว DC แบบเร่งด่วน ก็ควรจะชาร์จให้ถึงประมาณ 80% ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที และควรเผื่อระดับแบตเตอรี่ไปถึงอีกจุดประมาณ 10-20%
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อแนะนำสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อดูแลรักษารถได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการใช้งานในสภาพอากาศร้อนที่มีผลต่อแบตเตอรี่โดยตรง ก็อาจจะต้องคำนึงถึงการชาร์จรถเป็นพิเศษ ลองปรับใช้งานกันดูนะคะ