ใน

Mitsubishi ระงับธุรกิจในจีน เนื่องจากต่อสู้กับการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ไหว

ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น  Mitsubishi Motor ได้ระงับการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน เนื่องจากแนวโน้มความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สูงขึ้น จนส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัท

Mitsubishi ระงับธุรกิจในจีน เนื่องจากต่อสู้กับการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ไม่ไหว

รายงานจากสื่อ Bloomberg เผยว่ายอดขายรถยนต์ของ Mitsubishi ลดลงอย่างมาก เนื่องจากตลาดรถยนต์ในประเทศจีนเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิต Mitsubishi ยอดขายตกจนต้องระงับการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนอย่างไม่มีกำหนด

ในปี 2019 Mitsubishi ที่เคยทำยอดขายสูงสุด ที่ขายได้ 134,500 คัน แต่ในปีที่ผ่านมากลับทำยอดขายได้เพียง 34,500 คันเท่านั้น โดยรถยนต์ SUV ไฟฟ้ารุ่น Airtrek ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพียรุ่นเดียวของบริษัททำยอดขายได้เพียง 515 คัน

ใน 5 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ในประเทศจีนสูงถึง 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้นถึง 51.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนรถยนต์น้ำมันก็มียอดขายลดลง 7% และมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนสนับสนุนด้วยการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ให้เงินสนับสนุนและเสนอนโยบายอื่น ๆ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนเติบโตขึ้นด้วย

นอกจากนี้ประเทศจีนก็เริ่มใช้มาตรฐานการปล่อยมลพิษของยานพาหนะที่เข้มงวดขึ้น เพื่อกดดันให้ผู้ผลิตรถยนต์เปลี่ยนมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และพยายามเคลียร์รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้น้ำมัน (ICE) ที่อยู่ในคลัง

การสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าของจีนนี้ ไม่ใช่แค่ผู้ผลิต Mitsubishi เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นอย่าง Honda, Mazda และ Nissan เองก็มียอดขายลดลงมาเป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว รวมถึง Toyota ที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นก็มียอดขายลดลดเป็นครั้งแรกด้วยในรอบทศวรรษ

ผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นต้องวางแผนพลิกกระแสอย่างจริงจังมากขึ้น ซึ่ง Mitsubishi เคยเผยถึงแผนว่าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งหมดภายในปี 2035 มี 4 รุ่นด้วยกัน ส่วน Honda ก็เตรียมยกเครื่องธุรกิจให้เน้นมาทางรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเมื่อต้นปีที่ผ่ามา ด้าน Nissan ก็เร่งปรับกลยุทธ์ในเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน

ส่วน Toyota ก็กำลังวางแผนพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของตนเอง รวมถึงวางแผนพัฒนาแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพด้านระยะทางที่ไกลมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้มอบเงินสนับสนุนมากกว่า 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเร่งการพัฒนาให้กับ Toyota

ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นจะเข้ามาครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องรวดเร็วและมาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์อื่น อย่าง Tesla และ BYD ที่มียอดขายเป็นอันดับต้น ๆ ของจีนนั้นมาพร้อมเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม รวมถึงแบรนด์จีนอื่น ๆ อีกหลายรายที่พยายามพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ แข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนกันอย่างดุเดือด

ที่มา electrek

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.