Tesla ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2024 ทำรายรับรวมถึง 25.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ Wall Street กว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่กำไรต่อหุ้นต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย
Tesla รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2024 รายได้ 25.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2% จากปีที่แล้ว
ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ Tesla สามารถผลิตรถยนต์ได้ทั้งหมด 410,831 คัน และส่งมอบรถยนต์ได้ 443,956 คันทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นรถรุ่น Model 3 และ Model Y ส่งมอบรวมกันได้ 422,405 คัน ยอดส่งมอบรถทั้งหมดสูงกว่าคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ Wall Street เล็กน้อยที่คาดการณ์ว่าจะส่งมอบได้ 438,019 คัน
รายได้
รายได้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 มีรายรับรวม 25.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่าคาดการณ์จาก Wall Street ที่คาดการณ์ที่ 24.380 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยรายได้จากยานยนต์อยู่ที่ 19.878 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยรวมแล้วรายได้ของ Tesla เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจาก การเติบโตของธุรกิจการผลิตและจัดเก็บพลังงานติดตั้งได้ 9.4 GWh การส่งมอบ Cybertruck และการปรับตัวเลือกทางการเงินเพื่อชดเชยผลกระทบอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และอื่น ๆ
กำไรต่อหุ้น
กำไรต่อหุ้นแบบ non-GAAP ของ Tesla ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้อยู่ที่ 0.52 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ต่ำกว่าคาดการณ์ กำไร 0.61 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น ส่วน GAAP EPS อยู่ที่ 0.42 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อหุ้น
การทำกำไร
Tesla ประกาศรายได้จากการดำเนินงาน GAAP 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากปรับโครงสร้างและค้าใช่จ่ายอื่น 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ Tesla มีรายได้สุทธิแบบ GAAP 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และรายได้สุทธิแบบ non-GAAP 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้
Tesla เผยว่ารายได้จากการดำเนินงานลดลง เมื่อเทียบรายปี ส่งผลให้อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.3% สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการลดราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของรถ Model 3, Model Y, Model X, Model S รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในโครงการ AI
เงินสด
เงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และการลงทุนของ Tesla ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ อยู่ที่ 30.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.9 พันล้านดอลลาร์ เป็นผลมาจากกระแสเงินสดอิสระที่บวกขึ้น 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
รวมถึงได้รับแรงหนุนจากการลดลงของสินค้าคงคลัง 1.8 พันล้านดอลลาร์ และชดเชยด้วยรายจ่ายฝ่ายโครงสร้าง AI ที่ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Tesla เน้นย้ำว่าบริษัทมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะสนับสนุนแผนงานผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แผนการขยายกำลังการผลิตในระยะยาว และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งบริษัทจะจัดการธุรกิจเพื่อรักษางบดุลให้แข็งแกร่งในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน
นอกจากนี้ บัญชี X ของ Tesla ยังได้แชร์ไฮไลท์สำคัญในการประกาศผลประกอบการเพื่อให้เห็นถึงแผนและการดำเนินต่าง ๆ ดังนี้
- บริษัทยังคงขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยตกแต่งภายนอกของ Model 3 และ Model Y รวมถึงเพิ่มตัวเลือกสีของรถ Model 3, Model Y, Model X, Model S
- การผลิตรถ Model 3 Refreshed ยังคงผลิตสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
- มีคุณสมบัติปรับแต่ง Model 3 เพิ่มเติม เพื่อรองรับเครดิตภาษี IRA
- การผลิต Cybertruck เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า สามารถทำกำไรได้ภายในสิ้นปี 2024
- โรงงาน Semi factory อยู่ระหว่างเตรียมการ คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในสิ้นปี 2025
- โรงงาน Gigafactory Berlin เริ่มผลิตรถรุ่นพวงมาลัยขวา และส่งมอบรถยนต์คันแรกให้กับ Tesla อังกฤษ
- สิ่งที่โดยเด่นที่สุดคือ Tesla ได้เปิดตัวระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ FSD Supervised เวอร์ชันที่ใช้ซอฟต์แวร์ติดตามดวงตาเป็นหลัก เพื่อตรวจสอบความเอาใจใส่ของผู้ขับขี่
- หุ่นยนต์ Optimus มีความสามารถในการจัดการแบตเตอรี่ครั้งแรกในโรงงานของ Tesla
- สิ่งสำคัญที่โฟกัสใน FSD คือ การลดการแทรกแซงอย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่
- ส่วนต่อขยายทางใต้ของโรงงาน Gigafactory Texas ใกล้เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะเป็นแหล่งรวม GPU nvidia H100 ที่ใหญ่ที่สุดของ Tesla สำหรับการขับเคลื่อนด้าน AI
- ซอฟต์แวร์ของยานพาหนะได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องผ่านการอัปเดต OTA ที่ผ่านมามีการปรับปรุงครั้งใหญ่
- ในไตรมาสที่ 2 บริษัทผลิตแบตเตอรี่ 4,680 เซลล์เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 และยังคงปรับปรุงต้นทุนต่อไป
- บริษัทเริ่มทดสอบยานพาหนะสำหรับรถ Cybertruck ต้นแบบคันแรกด้วยแบตเตอรี่ 4680 ในเดือนกรฎาคม เป็นก้าวสำคัญในการลดต้นทุนครั้งใหญ่
- ด้านพลังงาน Megapack และ Powerwall ประสบความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 2 โดยติดตั้งได้ 9.4GWh
- วางจำหน่าย Powerwall 3 ในประเทศอื่น ๆ นอกสหรัฐอเมริการ ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา และเยอรมนี
ที่ teslarati