Sakura P.
Tesla ได้เปิดตัวโหมดการขับขี่ (Speed Profile) ใหม่สำหรับ Full Self-Driving ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในอัปเดตซอฟต์แวร์ v14.1.2 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยโหมดนี้มีชื่อว่า Mad Max ซึ่งเข้ามาแทนที่โหมด Hurr ในฐานะตัวเลือกการขับขี่ที่ดุดันและรวดเร็วที่สุดของระบบ FSD
Tesla เปิดตัวโหมด Mad Max สำหรับ Full Self-Driving โปรไฟล์ความเร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเย็นวันพุธ โดยAshok Elluswamy หัวหน้าฝ่าย AI ของ Tesla ได้ออกมาบอกใบ้ว่าอัปเดตซอฟต์แวร์ v14.1.2 กำลังจะถูกปล่อยให้กับกลุ่มผู้ขับขี่ในโครงการ Early Access Program (EAP) ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้ทดลองฟีเจอร์ใหม่ ๆ ก่อนใคร พร้อมระบุว่ามันเป็น “ฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอยมานาน”
ในตอนแรก หลายคนรวมถึงตัวผู้เขียนบทความเองก็คาดการณ์ว่าฟีเจอร์ใหม่นี้น่าจะเป็น Banish ซึ่งเป็นระบบที่จะให้รถขับไปหาที่จอดเองหลังจากส่งเราลงที่หน้าประตูจุดหมาย เพื่อมาเติมเต็มฟังก์ชัน Actually Smart Summon (ASS) ให้สมบูรณ์ แต่โพสต์ของคุณ Elluswamy บน X กลับทิ้งท้ายด้วยอีโมจิ 2 ตัว คือรูปรถแข่ง 🏎️ และรูปควัน 💨
และในคืนวันพุธ รถ Model Y คันใหม่ของสื่อ Teslarati ก็ได้รับอัปเดตซอฟต์แวร์ v14.1.2 ซึ่งก็ได้เฉลยว่าฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาก็คือโหมด “Mad Max” นั่นเอง
ในรายละเอียดการอัปเดต (Release Notes) ระบุไว้ว่า: “เปิดตัวโปรไฟล์ความเร็วใหม่ MAD MAX ซึ่งจะมาพร้อมกับความเร็วที่สูงขึ้นและการเปลี่ยนเลนที่บ่อยกว่าโหมด Hurry”
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจทีเดียวที่ Tesla เลือกที่จะเพิ่มโหมดการขับขี่ที่เร็วและดุดันยิ่งกว่า Hurry เข้ามาอีก จากประสบการณ์การใช้งานก่อนหน้านี้ พบว่าโหมด Hurry ที่มีอยู่เดิมก็มีความสมจริงเมื่อเทียบกับสไตล์การขับขี่ของคนทั่วไป ทั้งในด้านความเร็ว ความดุดัน และพฤติกรรมการเปลี่ยนเลน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนหลวงระหว่างรัฐ ดังนั้น โหมด Mad Max จึงน่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนที่น่าติดตาม
ตั้งแต่ปี 2018 CEO อย่าง Elon Musk เคยพูดถึงโหมด Mad Max มาแล้วผ่านการโพสต์บน X โดยในครั้งแรกเขาได้พูดถึงฟีเจอร์นี้ว่าจะนำมาใช้กับรถบรรทุก Tesla Semi
จากนั้นในปี 2019 Musk ก็ได้พูดถึงโหมด Mad Max อีกครั้งพร้อมกับการอัปเดต Autopilot ในยุคแรก ๆ โดยกล่าวว่า โหมดนี้จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ท่ามกลางสภาพการจราจรที่ดุดันอย่างในเมืองลอสแอนเจลิส และในอดีตช่วงปลายยุค 2010s ก็เคยมีโหมดที่ใช้ชื่อเดียวกันนี้อยู่แล้วด้วย
ที่มา teslarati
