Sakura P.
การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเฉพาะจากค่ายจีน กำลังดุเดือดขึ้นทุกวัน ไม่ใช่แค่เรื่องระยะทางการขับขี่หรือความแรงของมอเตอร์อีกต่อไป แต่เป็นการต่อสู้กันด้วยความฉลาดของระบบ AI ในรถยนต์ ล่าสุด XPENG เผยโฉม XPENG X9 Ultra, MPV ไฟฟ้าสุดล้ำ ที่ไม่ได้มีดีแค่ขนาด แต่มาพร้อมพลังการประมวลผลระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์จากการใช้ชิปที่พัฒนาขึ้นเอง เรามาดูรายละเอียดกันครับว่ารถรุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
XPENG X9 Ultra เปิดตัว! อัดชิป AI 3 ตัว พลังประมวลผล 2250 TOPS
XPENG ได้เปิดตัว X9 Ultra อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของรถ MPV รุ่น X9 ที่ได้รับความนิยม โดยข้อมูลนี้มาจากการยื่นเอกสารล่าสุดต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) รุ่นนี้มาพร้อมกับชิป AI Turing ที่ Xpeng พัฒนาเองถึง 3 ตัว ให้พลังการประมวลผลรวมสูงถึง 2250 TOPS
ชิปขั้นสูง 2 ตัวจาก 3 ตัวนี้ จะถูกใช้สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (VLA large model) ส่วนชิปตัวที่ 3 จะใช้เพื่อเสริมประสิทธิภาพห้องโดยสารอัจฉริยะ (VLM large model) X9 Ultra จะมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อ และขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมแบบ Ternary
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก บริเวณไฟตัดหมอกด้านหน้าและกันชนล่างได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เหมือนกับรุ่น X9 Extended-Range (รุ่นที่วิ่งได้ไกลขึ้น) ซึ่งรวมถึงกันชนหลังด้วย
ตัวรถมีขนาดความยาว 5,316 มม. ความกว้าง 1,988 มม. และความสูง 1,785 มม. โดยมีฐานล้อยาว 3,160 มม. ลูกค้าสามารถเลือกออปชันล้อได้ 2 แบบ คือ ล้อลดแรงต้านขนาด 19 นิ้ว หรือล้อลายหลายก้านขนาด 20 นิ้ว
ด้านสมรรถนะ รุ่นมอเตอร์เดี่ยวของ XPENG X9 Ultra จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 235 kW (315 แรงม้า) ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะมาพร้อมมอเตอร์คู่ โดยให้กำลัง 235 kW (315 แรงม้า) จากมอเตอร์หน้า และ 135 kW (181 แรงม้า) จากมอเตอร์หลัง ทั้งสองรุ่นจะใช้แบตเตอรี่ลิเธียมแบบ Ternary ที่จัดหาโดยบริษัท CALB
จะเห็นได้ว่าการเปิดตัว XPENG X9 Ultra ในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ให้กับตลาด MPV เท่านั้น แต่เป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนของ XPeng ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี AI สำหรับยานยนต์ ด้วยชิป Turing ที่พัฒนาเอง
การตอบรับเชิงบวกอย่างท่วมท้นของตลาดหุ้นก็สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี คงต้องติดตามกันต่อไปว่า เมื่อรถรุ่นนี้วางจำหน่ายจริง จะสร้างปรากฏการณ์ในตลาดได้มากน้อยเพียงใด และจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์อัจฉริยะในอนาคตหรือไม่
ที่มา carnewschina
