หลักจากสหภาพยุโรปประกาศกำแพงภาษีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน แบรนด์ BYD เองโดยภาษีเพิ่มที่ 17.4% อย่างไรก็ตาม BYD ได้รายงานว่าสามารถทำกำไรได้สูงจากรถยนต์ไฟฟ้า
BYD เห็นโอกาสกำไรรถ EV ในตลาดยุโรปมากกว่าในจีน แม้เผชิญกำแพงภาษีจากยุโรป
โมเดลอย่าง Seal U สำหรับการขายในตลาดยุโรปที่มากกว่าที่จีน นี่ถือเป็นความคาดหวังการทำกำไรที่มีปัจจัยให้กับทาง BYD ทางแบรนด์ได้ประกาศการบุกตลาดยานยนต์ในตลาดยุโรปครั้งแรกในช่วงปี 2020 หลังจากเริ่มเปิดตัวครั้งแรกที่นอร์เวย์ในปี 2021 BYD ได้นำไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้ามาโชว์ ประกอบไปด้วย Atto 3, Han และ Tang
ตั้งแต่นั้นมา BYD ก็ได้พยายามวางแผนการขยายไปหลายประเทศมาขึ้น ด้วยการเพิ่มโมเดลอย่าง Dolphin และ Seal ในช่วงปีที่แล้ว Atto 3 เป็นโมเดลที่ขายดีที่สุดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ในยุโรป ด้วยยอดขาย 12,363 คัน ตามมาด้วย Dolphin ขายไป 1,079 คัน, Tang ขายได้ 1,055 คัน และ Han ขายไปได้ 849 คัน
อย่างไรก็ตาม BYD เห็นยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและได้เรียนรู้เกี่ยวกับตลาดยุโรปเพิ่มมากขึ้น
ด้วยความคาดหวังที่สูงสำหรับกำแพงภาษีของยุโรปสำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน หลังจากตลาดโลก “ล้นไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกจากจีน” ทางประธานคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป Ursula von Der Leyen ประกาศการสอบสวนในเดือนตุลาคม
หลังจากการพบรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้รับผลประโยชน์จาก “เงินอุดหนุน” สหภาพยุโรปได้เปิดเผยภาษีเพิ่มเติมล่วงหน้าซึ่งมีแผนจะกําหนดให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในสัปดาห์นี้
BYD ยังคงทำกำไรในรถยนต์ไฟฟ้าได้สูงแม้เผชิญกำแพงภาษีในยุโรป
การเพิ่มภาษีของ BYD อยู่ที่ 17.4% ถ้าไม่มีแนวทางแก้ไขจากแบรนด์ ภาษีนี้จะเริ่มใช้งานในช่วงวันที่ 4 กรกฎาคม 2024
ในขณะที่การค้นคว้าล่าสุดของ Rhodium Group แสดงให้เห็นถึงกำแพงภาษีอาจจะไม่เพียงพอที่จะฉุด BYD ลงได้รวมถึงแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ ในจีนจากการได้ส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มมากขึ้น
อ้างอิงจากการศึกษา กำแพงภาษีอาจจะต้องขึ้นถึง 40-50% หรือสูงกว่านั้นจะสามารถชะลอยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนลงได้
ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนยังคงการแข่งขันการตัดราคาอันดุเดือดที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยผลลัพธ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนในตลาดยุโรปที่เยอะกว่าในประเทศจีน และไม่ใช่เพียงแค่ผู้ผลิตจากรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น
Volkswagen ID4 ราคาขายในยุโรปประมาณ 50% (46,335 ยูโร เทียบกับ 31,011 ยูโร) แพงกว่าราคาขายในจีน BYD Seal U (รุ่น Comfort) ราคาในยุโรปประมาณ 93% (41,990 ยูโร เทียบกับ 21,769 ยูโร) แพงกว่าราคาในจีน เช่นเดียวกันกับรถรุ่นยอดนิยมอย่าง BYD Atto 3 (+112%) และ Volkswagen ID.3 (57%)
อ้างอิงจากการวิเคราะห์ราคาของ Rhodium BYD ทำกำไรได้ประมาณ 14,300 ยูโร (ประมาณ 562,000 บาท) สำหรับทุกยอดขายของ Seal U ต่อคันที่ขายในยุโรป ในจีน BYD จะได้กำไรสำหรับยอดขายแต่ละโมเดลต่อคันประมาณ 1,300 ยูโร (ประมาณ 51,100 บาท)
อ้างอิงจากค่าเงินหยวนของจีน (หลังจากหักค่าส่ง, ภาษีนำเข้า, การจัดจำหน่าย, และภาษีมูลค่าเพิ่ม) BYD ได้กำไรประมาณ 13,000 ยูโร (ประมาณ 511,000 บาท) ถือว่าทำกำไรได้มากสำหรับการขาย Seal U ในตลาดยุโรป (ถือเป็นกำไรมูลค่าเพิ่มได้ได้จากตลาดยุโรป)
สหภาพยุโรปจำเป็นจะต้องเพิ่มภาษีอย่างมากเพื่อลดแรงจูงใจในการส่งออก แม้ว่าจะเพิ่มภาษีสูงถึง 30% ก็ยังทำให้ BYD ทำกำไรได้ถึง 15% หรือประมาณ 4,700 ยูโร (ประมาณ 185,000 บาท) เทียบกับในจีน
กำแพงภาษีประมาณ 45-55% อาจจะสามารถทำให้ได้กำไรหน่อยลง อย่างไรก็ตามมันอาจจะส่งผลเสียให้กับแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าอื่น ๆ มากกว่า เช่น BMW และ Tesla ที่มีการส่งออกจากประเทศจีน
Wang Chuanfu CEO ของ BYD ได้กล่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อเมริกาและยุโรปกำลัง “กลัว” รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน “ถ้าคุณไม่แข็งแกร่งพอ พวกเขาก็จะไม่กลัวคุณเลย”
Wang กล่าวอีกว่ากำแพงภาษีนำเข้าของยุโรปนี้เป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์จากประเทศจีน ด้วยโรงงาน BYD แห่งแรงในยุโรปที่วางแผนจะเริ่มสายการผลิตในภายในช่วงปีนี้ ถือเป็นการคาดหวังที่จะก้าวข้ามผลกระทบจากการขึ้นกำแพงภาษีครั้งนี้ได้นั่นเองครับ
ที่มา : Electrek