ใน

Voyah Free รุ่นใหม่เปิดตัวในประเทศจีน สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 1,201 กม. ด้วยราคาเริ่มต้น 266,900 หยวน

Voyah Free เปิดตัวรุ่นใหม่ มีการปรับโฉมรอบคันให้ดูดุดันมากยิ่งขึ้น จำหน่ายเพียงขุมพลังเดียว สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 1,201 กม. (จากเดิม 960 กม.) และปรับให้มีราคาที่ถูกลง ด้วยราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท (จากรุ่นก่อนหน้า 1.62 ล้านบาท)

Voyah Free รุ่นใหม่เปิดตัวในประเทศจีน สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 1,201 กม. ด้วยราคาเริ่มต้น 266,900 หยวน

Voyah Free เป็นรถ SUV ขนาดกลาง ขุมพลัง Extended Range Electric Vehicle (EREV) ออกสู่ตลาดประเทศจีน ปัจจุบันวางจำหน่ายในประเทศจีนเพียงขุมพลังเดียวที่เป็น EREV ที่มีกำลัง 490 แรงม้า วิ่งได้ระยะทางรวมสูงสุด 1,201 กม. ตามมาตรฐาน CLTC และอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 4.8 วินาที ด้วยราคาเริ่มต้น 266,900 หยวน (ประมาณ 1.29 ล้านบาท) ซึ่งเป็นราคาที่ถูกลง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าที่มีขุมพลังแบบเดียวกัน ที่มีราคา 333,600 หยวน (ประมาณ 1.62 ล้านบาท) มาดูรายละเอียดรุ่นดังกล่าวกันครับ

ดีไซน์ภายนอก

  • มิติตัวรถ 4,905 x 1,950 x 1,645 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,960 มม.
  • ล้อขนาด 20 นิ้ว
  • ยางขนาด 255/45 R20

จากด้านหน้ามีการปรับโฉมในส่วนของกันชนหน้า ให้มีความดุดันมากขึ้น พร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ไฟหน้ายังเชื่อมกับไฟ LED Daytime Running Light ที่พาดผ่านกระจังหน้า เมื่อพูดถึงกระจังหน้า ก็ได้รับการออกแบบใหม่ด้วยเช่นกัน ปรับให้มีขนาดเล็กลงและชุบสีโครเมียมดำเงา และล้อสีดำเงา 5 ก้านคู่ เพื่อเพิ่มความดุดันเข้าไปอีก

จากด้านข้างจะเห็นมือเปิดประตูราบเรียบไปกับตัวรถ มีเส้นสายสีโครเมียมที่ขอบประตูอยู่รอบคัน และมีราวหลังคาสีโครเมียมติดตั้งมาให้ด้วย และมีคำว่า Voyah ติดไว้บริเวณเสา C

จากด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่เพียงเล็กน้อย ส่วนท้ายมีสปอยเลอร์หลังคาและกันชนท้ายที่ดูสปอร์ตมากๆ ไฟท้ายดีไซน์เป็นชิ้นเดียว ดีไซน์สปอร์ตมาก มีโลโก้ Voyah อยู่ตรงกลาง

ขุมพลัง

Voyah Free รุ่นใหม่นี้ จะมีเฉพาะในขุมพลัง Extended Range Electric Vehicle (EREV) เท่านั้น จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่มีกำลัง 150 แรงม้า โดยเครื่องยนต์จะไม่ถ่ายโอนแรงบิดไปยังล้อ แต่จะทำหน้าที่เป็นเหมือนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชาร์จให้กับแบตเตอรี่ หรือถ่ายโอนพลังงานไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง และจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนลงที่ล้อโดยตรง ตัวรถมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มอเตอร์ไฟฟ้าล้อหลังมีกำลังขับ 272 แรงม้า แรงบิด 410 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่ 2 อยู่ด้านหน้า มีกำลังขับ 218 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ดังนั้นมีกำลังขับรวมสูงสุดถึง 480 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 720 นิวตันเมตร ทำให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เพียง 4.8 วินาที และวิ่งได้ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.

ตัวรถมาพร้อมแบตเตอรี่ NMC จาก CATL ความจุสูงถึง 39.2 kWh เป็นผลให้วิ่งได้ระยะทาง 210 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง โดยไม่พึ่งเครื่องยนต์สันดาปภายใน อย่างไรก็ตาม เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกันกับแบตเตอรี่ สามารถวิ่งได้ระยะทางรวมสูงถึง 1,201 กม. ตามมาตรฐาน CLTC ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากรุ่นก่อนหน้า ที่วิ่งได้เพียง 960 กม.

ดีไซน์ภายใน 

การตกแต่งภายในมีคอนโซลกลางที่ออกแบบใหม่ มีการออกแบบที่ดูสะอาดตายิ่งขึ้น ด้วยที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย 2 ตำแหน่ง กำลังไฟ 50W ที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และมีปุ่มกดจริงแถวเล็กๆ อยู่บริเวณเหนือช่องแอร์ตรงกลาง ตัวเลือกตำแหน่งเกียร์อยู่หลังพวงมาลัย พวงมาลัยดีไซน์ทรง D-shape แบบ 3 ก้าน หน้าจอด้านหน้ามาพร้อม 3 หน้าจอ ที่มีขนาด 12.3 นิ้ว เท่ากันทั้ง 3 จอ มาพร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8155 และมีหน้าจอสัมผัสอีก 1 จอ สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 ภายในมีไฟสร้างบรรยากาศ (Ambient Lights) 64 สี

คุณสมบัติพิเศษ

Voyah Free มาพร้อมระบบช่วงล่างแบบถุงลม ที่สามารถปรับขึ้น-ลงได้ 100 มม. นอกจากนี้ยังมีให้ซื้อแพ็กเกจเสริม Apollo Highway Driving Pro ที่ประกอบด้วย กล้องความละเอียด HD จำนวน 13 ตัว, เรดาร์คลื่นระดับมิลลิเมตร จำนวน 5 ตัว และเรดาร์ Ultrasonic จำนวน 12 ตัว เพื่อสอดคล้องกับระบบ Navigate On Autopilot (NOA), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันได้ (Adaptive Cruise Control), ระบบจดจำที่จอดรถ ฯลฯ โดยแพ็กเกจดังกล่าวมีราคา 25,000 หยวน (ประมาณ 121,000 บาท) อย่างไรก็ตาม ลูกค้าคนแรกของ Voyah Free สามารถซื้อแพ็กเกจได้ในราคา 10,000 หยวน (ประมาณ 48,400 บาท)

ราคา

Voyah Free จะมีจำหน่ายในขุมพลังเดียว ซึ่งมีราคาที่ 266,900 หยวน (ประมาณ 1.29 ล้านบาท) ดูเหมือนว่า Voyah จะผลักดันให้เพิ่มยอดขายในตลาดภายในประเทศได้ยากจริงๆ เพราะในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มียอดขายเพียง 575 คัน เท่านั้น เหตุผลหลักที่ทำให้ยอดขายต่ำ คือมีการเกิดคู่แข่งใหม่จำนวนมาก นี่อาจเป็นเหตุผลที่ Voyah ต้องปรับราคาลงและปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย

ที่มา – CarNewsChina

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sahakrit S