ใน , ,

รีวิวขับ MG4 XPOWER ขับ 4 AWD, 480 กม./ชาร์จ แรงแถมหนึบขึ้น รุ่นก่อนว่าขับดีแต่รุ่นนี้ดีกว่ามาก

ทีมงาน iMoD ได้รับเชิญให้ร่วมทดสอบสมรรถนะ MG4 XPOWER ที่สนามพีระเซอร์กิต บอกเลยว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่สุดมากครับ มาชมกันครับว่าสุดจริงไหมสำหรับคันนี้

รีวิวขับ MG4 XPOWER ขับ 4 AWD, 480 กม./ชาร์จ แรงแถมหนึบขึ้น รุ่นก่อนว่าขับดีแต่รุ่นนี้ดีกว่ามาก

MG4 XPOWER รุ่นแรงของ MG4 ที่มาพร้อมจำนวน 2 มอเตอร์ที่กำลังแรงขึ้น พละกำลัง 435 แรงม้า แรงบิด 600Nm เร่ง 0-100 ได้ได้ระยะเวลาเพียง 3.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 200 กม./ชม. ทั้งยังได้รับการปรับแต่งช่วงล่างยางเบรคและให้สเปคแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นแถวยังชาร์จเร็วขึ้นอีกด้วย แว่วๆ คันนี้คาดเปิดราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ผมได้ลองขับแล้วมาเล่าประสบการณ์ให้ได้ฟังครับ

MG4 XPOWER ในไทยมาเฉพาะสีเขียว Wild Hunter Green เท่านั้น

📌 เลือกหัวข้อรับชม

  • 00:00 – MG4 EV XPOWER
  • 01:10 – การออกแบบภายนอก
  • 04:11 – สเปค
  • 06:36 – การออกแบบภายใน (โซนด้านหน้า)
  • 10:18 – การออกแบบภายใน (โซนด้านหลัง)
  • 11:16 – ทดลองการขับขี่
  • 14:10 – สรุป

มิติตัวถัง

  • มิติตัวถัง​ 4,287 x 1,836 x 1,516 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
  • ระยะความยาวฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร
  • ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มิลลิเมตร

สเปค MG4 XPOWER ที่จำหน่ายในประเทศไทย

  • ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor จำนวน 2 ตัว
  • มอเตอร์หน้ากำลังสูงสุด 204 แรงม้า (150 กิโลวัตต์)
  • มอเตอร์หลัง กำลังสูงสุด 231 แรงม้า (170 กิโลวัตต์)
  • รวมให้พละกำลังสูงสุดที่ 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์)
  • แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร – ด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.8 วินาที
  • ความเร็วสูงสุดที่ 200 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง
  • มาพร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY
  • ขนาดความจุ 64 kWh (NMC battery) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
  • DC ชาร์จสูงสุด 140kW
  • AC ชาร์จสูงสุด 11kW
  •   V2L 2200W
  • ระบบ One Pedal ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และทำให้ระยะทางการขับขี่เสถียรยิ่งขึ้น
  • แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
  • ระบายความร้อนด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM
  • ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL WHEEL DRIVE
  • ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE)
  • ระบบโครงสร้างพวงมาลัยรูปแบบใหม่ DUAL PINION ควบคุมด้วยไฟฟ้า
  • รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตรการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ควบคู่กับการออกแบบลักษณะ Low Centre of Gravity ที่ให้ จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำเพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
  • ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension
  • โหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW ด้านการออกแบบ
  • การออกแบบตัวรถใหม่แบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN
  • ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS
  • ไฟท้าย LED ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT
  • หลังคาแบบทูโทน พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING
  • ล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว
  • เติมความเป็นสปอร์ตด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีส้ม XPOWER
  • ภายในห้องโดยสารเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เน้นการใช้งานที่สะดวก เพื่อให้ดูโปร่งโล่งสบาย มาพร้อม ความเหนือระดับ
  • คอนโซลกลาง FLOATED CENTRAL CONTROL PLATFORM พร้อมอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger)
  • ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง
  • พวงมาลัย ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ
  • วางสายโทรศัพท์
  • กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ
  • หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) และหน้าจอ
  • สีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ลำโพง 6 จุด
  • ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V
  • รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ สมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
  • พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C
  • ระบบกรองอากาศ PM2.5
  • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
  • เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40
  • โหมด Intelligent Smart Access เมื่อผู้ขับขี่อยู่ในตำแหน่งคนขับ เพียงเหยียบเบรกระบบการทำงานของรถจะสตาร์ทอัตโนมัติ
  • ให้ความสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยวัสดุที่ใช้หุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่า (Alcantara)

 

View this post on Instagram

 

A post shared by iMoD (@iphonemod)

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.