หลังจากที่ Mazda ได้เปิดขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่น MX-30 ได้เพียง 2 ปีในประเทศสหรัฐอเมริกา ล่าสุดก็ได้ประกาศยุติการจำหน่ายแล้ว เนื่องจากทำยอดขายได้ต่ำเกินไป และบริษัทตั้งเป้าเน้นไปทางรถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดมากกว่า
Mazda เลิกขายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MX-30 ในสหรัฐอเมริกา หลังทำยอดขายได้เพียง 66 คันในปี 2023
Mazda North American ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะยุติการวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น MX-30 ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา แต่จะวางจำหน่ายแค่ในรัฐแคลิฟอร์เนียเพียงที่เดียวเท่านั้น โดยขายจากรถในสต๊อกที่เหลืออยู่
สาเหตุของการยุติการผลิตครั้งนี้ เนื่องจากยอดขายของ MX-30 ในสหรัฐอเมริกานั้นต่ำเกินไป ในช่วงระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2021 จนถึงปัจจุบัน ทำยอดขายรวมได้เพียง 571 คันเท่านั้น สรุปยอดขายในแต่ละปีได้ดังนี้
- ปี 2021 (กันยายน – ธันวาคม): ขายได้ 181 คัน
- ปี 2022: ขายได้ 324 คัน
- ปี 2023 (มกราคม – มิถุนายน): ขายได้ 66 คัน
ทาง Mazda ได้แถลงการณ์สั้น ๆ ว่า สำหรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในปัจจุบัน บริษัทตั้งใจที่จะมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่น CX-90 PHEV โมเดลปี 2024 และ CX-70 PHEV ที่เตรียมเปิดตัวในปีนี้หรือปีหน้า รวมถึงรถยนต์ไฮบริดอย่าง CX-50 ล้วนเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Mazda ที่ตอบสนองความต้องการในตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกา
Mazda MX-30 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ขับขี่ระยะทางไกลสุดเพียง 161 กม. ตามมาตรฐาน EPA มีราคาอยู่ที่ 34,110 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1.16 ล้านบาท) หากเทียบกับรถยนต์แบรนด์อื่นในเซ็กเมนท์เดียวกันแล้ว เห็นได้ว่า MX-30 แข่งขันได้ยากหรือแทบจะแข่งขันไม่ได้เลย จึงส่งผลให้บริษัทยุติการวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่อนข้างใหญ่
อย่างไรก็ตาม Mazda MX-30 อาจจะยังเปิดขายในยุโรป ในชื่อรุ่นว่า Mazda MX-30 e-Skyactiv R-EV เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เปิดตัวในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า บริษัทจะนำรถรุ่นนี้เข้ามาทำการตลาดในสหรัฐอเมริกาแทน MX-30 ตัวเดิมหรือไม่ หรืออาจจะเน้นรถยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่อื่น ๆ
ที่มา electrek