ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สัญชาติแคนาดา ที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 67 ปี ผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้ค่ายรถยนต์ดัง ๆ อย่าง BMW, Mercedes, Ford, General Motors, Tesla และอีกมามาย ทาง Magna ได้เริ่มพัฒนาชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง แบตเตอรี่ รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าที่ได้เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2016 จนล่าสุด Magna ออกมาเผยสเปคและเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้า eDrive เจนใหม่ ในงาน CES 2024 เรามาดูรายละเอียดของมอเตอร์ตัวนี้กันครับ
Magna ปล่อยมอเตอร์ไฟฟ้าเจนใหม่ eDrive ในงาน CES 2024
วันที่ 9 มกราคม 2024 ในงาน CES 2024 Magna ได้ฤกษ์ในการเผยโฉมมอเตอร์ไฟฟ้าเจนใหม่ในทั่วโลกได้ชมกัน มอเตอร์ไฟฟ้าตัวใหม่นี้ได้เทคโนโลยี 800V eDrive มาเพื่อสร้างมาตราฐานใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานมากขึ้น ทั้งในเรื่องของพละกำลัง และแรงบิดที่มากขึ้น จากเดิมที่ eDrive เจนแรก ๆ ใช้แพลตฟอร์ม 48V e-motor/inverter ในการทำ และได้ให้คำนิยามในการพัฒนามอเตอร์ใหม่ว่าต้องเบาลง ขนาดกระทัดรัด เพิ่มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังรักษ์โลกมากขึ้น
มอเตอร์ Magna eDrive เจนใหม่ ได้พัฒนาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ที่จะส่งผลให้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวนี้มีน้ำหนักเบาและมีขนาดที่เล็กลง รีดประสิทธิภาพได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถทำระยะที่วิ่งได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย การทำทั้งหมดนี้เพื่อเพิ่มความยืดยุ่นให้กับมอเตอร์ในการนำไปใช้งาน เพราะมีน้ำหนักเบาเพียง 75 kg และการออกแบบช่วยลดความสูงของมอเตอร์ไป 20% นี่คือสิ่งที่ทาง Magna พยายามสร้างมอเตอร์เจนใหม่อย่าง eDrive ออกมา
สำหรับเทคโนโลยีที่เด่นมาก ๆ และถือว่าเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรมที่สามารถทำให้มอเตอร์ eDrive หมุนตามแก่นการขับขี่ได้ถึง 90 องศา ที่ช่วยให้เพิ่มพื้นที่การทำงานของระบบมอเตอร์กับการขับขี่ทั้งหน้าและหลังได้มากขึ้น ระบบนี้ช่วยเพิ่มให้ระยะการขับขี่เพิ่มขึ้นถึง 93% (ตามมาตราฐาน WLTC และทดสอบบนทางด่วน) ที่พัฒนาประสิทธิภาพได้หลายช่วงของการใช้ความเร็ว และทำให้การขับขี่คล่องตัวมากขึ้น
Diba Ilunga ประธานบริษัทด้านเครื่องยนต์ของ Magna ได้กล่าวว่า “เรายังคงให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะพัฒนาสินค้าของเราเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่าง และยังคงช่วยรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีอยู่เสมอ” และกล่าวอีกว่า “eDrive เจนเนอเรชั่นใหม่ ถือว่าเป็นสิ่งที่ประจักษ์ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ไร้คู่แข่ง ทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบ ขั้นตอนในการผลิต ด้วยกระบวนการทำงานและระบบการผลิตที่ไร้ติ ทำให้เราสามารถลดการใช้อะลูมิเนียมและพวกวัสดุหายากที่มีน้ำหนักสูงในการผลิต เหล่านี้ส่งผลอย่างมากในการลดการปล่อยคาร์บอนระหว่างขั้นตอนการผลิตได้มากถึง 20% หากเทียบกับการผลิตของ eDrives เจนก่อน ๆ
การผลิตมอเตอร์ใหม่นี้ได้สำเร็จ พิสูจน์ให้เห็นว่าเราสามารถทำให้เทคโนโลยีใหม่นี้เกิดขึ้นได้จริง อีกทั้งยังสามารถช่วยให้โลกของเราดีขึ้นไปด้วยได้พร้อม ๆ กัน
การได้มอบสินค้าที่มีประโยชน์ให้กับลูกค้า ด้วย eDrive เจนใหม่นี้ ลูกค้าจะสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย ทั้งตัวมอเตอร์หลัก Primary / Complementary Drive Units สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดต่าง ๆ C, D และ E segment และ Secondary Drive Units สำหรับรถ EV ขนาดกลาง อีกทั้งยังมี eDecoupling unit ให้เลือกเป็นออปชั่นอีกด้วย มอเตอร์ใหม่นี้ส่งพละกำลังไฟฟ้าสูงสุดที่ 250 kW จากตัวเก่าที่เคยทำได้เพียง 25kW และทำแรงบิดของเพลาสูงสุด 5,000 นิวตันเมตร
ที่มา: MAGNA