NIO ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญว่า ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า Nio 900V Thunder EDS เวอร์ชันผลิตจำนวนมาก (Mass Production) ได้ออกจากสายการผลิตครบ 1 ล้านเครื่อง ซึ่งจะนำไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าเรือธงของแบรนด์ NIO ET9
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 900V Thunder EDS ของ NIO ออกจากสายการผลิตแล้ว เตรียมใช้ในรถรุ่น ET9 ชาร์จ 5 นาที เพิ่มระยะทาง 255 กม.
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 900V Thunder EDS ของ NIO ได้ออกจากสายการผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมเข้าสู่การผลิตจำนวนมาก โดยรถคันแรกที่จะได้ใช้ระบบนี้ก็คือ ET9 ที่เตรียมเข้าสู่ตลาดจีนในปี 2025 นี้
รถยนต์ ET9 เป็นรถยนต์ Fastback รุ่นเรือธงของ NIO เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน NIO Day 2023 เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าแล้วในราคา 800,000 หยวน (ประมาณ 4 ล้านบาท) มีกำหนดส่งมอบรถในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2025
NIO ET9 นั้นมีไฮไลท์เด่นที่ระบบกันสะเทือน Skyride ที่ทำให้การควบคุมทั้งสี่ล้อทำได้อย่างอิสระ ลดการสั่นสะเทือนในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การที่รถใช้ระบบ 900V Thunder EDS นั้นก็จะช่วยเรื่องการชาร์จที่รวดเร็วด้วย ชาร์จเพียง 5 นาที เพิ่มระยะทางได้มากถึง 255 กม.
NIO ให้รายละเอียดเกี่ยวกับระบบ Nio 900V Thunder EDS ว่า มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าและด้านหลังที่รวมอยู่ในระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า EDS นี้มีน้ำหนักเบาขึ้น 30% และลดความยาวลง 280 มม. ซึ่งน้ำหนักที่เบาลงนั้นจะช่วยปรับปรุงการใช้พลังงานขอรถ ส่วนขนาดที่เล็กลงก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารได้
NIO ยังเผยว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่น ET9 นั้นใช้มอเตอร์ไฟฟ้า W-Pin Synchronous Permanent Magnet ทำงานที่แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 925V ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในจีน มีกำลังขับสูงสุด 340 kW โดยมีน้ำหนักเพียง 79 กก. มีความหนาแน่นของพลังงานอยู่ที่ 4.3 kW/kg
มอเตอร์หน้าเป็นมอเตอร์ Asynchronous Induction กำลังสูงสุด 180 kW ความหนาแน่นของพลังงาน 2.6 kW/Kg ซึ่ถือเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดในโลกในบรรดามอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Asynchronous
นอกจากนี้ระบบ 900V Thunder EDS ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่มอเตอร์ไฟฟ้าและพลังงานเท่านั้น แต่ยังมีการใช้โมดูลพลังงานซิลิคอนคาร์ไบด์ 1200V ที่มีความหนาแน่นของพลังงาน 1315 kW/L รองรับรองกำลังได้มากกว่า 300,000 รอบ รวมถึงมีเทคโนโลยีขดลวดคลื่นต่อเนื่องที่ให้กำลังมอเตอร์ถึง 86% และระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า EDS นี้ยังมีระบบระบายความร้อน้ดวยของเหลวที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ช่วยเพิ่มกำลังต่อเนื่องสูงสุดของมอเตอร์ถึง 30%
เห็นได้ว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต่างก็เดินหน้าพัฒนาสถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้าให้มีความสามารถในการชาร์จเร็วได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้สถาปัตยกรรม 400V และหลาย ๆ แบรนด์ก็เริ่มใช้สถาปัตยกรรม 800V กันบ้างแล้ว
ซึ่งสถาปัตยกรรม 800V นั้น ช่วยให้กักเก็บพลังงานที่เท่ากันได้โดยใช้กระแสไฟที่ต่ำกว่าแบบ 400V สามารถลดการสูญเสียพลังงานจากความร้อนในระบบไฟฟ้า และกระแสไฟที่ต่ำนั้นยังช่วยลดการใช้สายไฟได้ โดยสามารถใช้สายไฟเส้นเล็กลง มอเตอร์ไฟฟ้าใช้ทองแดงน้อยลง จึงทำให้น้ำหนักโดยรวมของรถลดลงด้วย ส่งผลต่อระยะทางที่เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นการที่ NIO มีสถาปัตยกรรม 900V จึงทำให้เราได้เห็นว่ารถยนต์ในอนาคตของ NIO นั้นจะมีประสิทธิภาพด้านระยะทาง การจัดการพลังงาน และการชาร์จที่ดีขึ้นนั่นเอง
แนะนำ อุปกรณ์เสริมสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องมีติดรถ BLAUPUNKT PORTABLE EV CHARGER เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบพกพา มีติดรถไว้สำหรับการชาร์จนอกสถานที่ มาพร้อมกับกระเป๋าพกพาสำหรับจัดเก็บได้สะดวก สำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดและสั่งซื้อได้ที่ https://bit.ly/3vmPr2T
ที่มา carnewschina, electrek