กรณีศึกษาใหม่จาก Recurrent วิเคราะห์การอ่านค่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า 7,500 คัน พบว่า รถยนต์ไฟฟ้าสูญเสียระยะทางจากที่โฆษณาได้มากถึง 31% เมื่อใช้งานในที่สภาพอากาศร้อนอบอ้าว เนื่องจากรถต้องทำให้ห้องโดยสารเย็นลง เมื่ออุณหภูมิภายนอกสูง แบตเตอรี่ก็จะใช้พลังงานมากขึ้น จึงส่งผลให้ระยะทางการเดินทางลดลง
สภาพอากาศร้อน ส่งผลต่อระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร (กรณีศึกษา)
กรณีศึกษาจาก Recurrent เผยว่า เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้าจะลดลง เนื่องจากรถจำเป็นต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิภายในที่ร้อนจัด จากการศึกษาพบว่าการสูญเสียระยะทางขึ้นอยู่กับอุณหภูมิโดยรอบ มีค่าเฉลี่ยดังนี้
- ที่อุณหภูมิ 75°F (24°C) : การสูญเสียระยะทางอยู่ที่ 0%
- ที่อุณหภูมิ 80°F (27°C) : การสูญเสียระยะทางอยู่ที่ 2.8%
- ที่อุณหภูมิ 85°F (29°C) : การสูญเสียระยะทางอยู่ที่ 3.5%
- ที่อุณหภูมิ 90°F (32°C) : การสูญเสียระยะทางอยู่ที่ 5%
- ที่อุณหภูมิ 95°F (35°C) : การสูญเสียระยะทางอยู่ที่ 15%
- ที่อุณหภูมิ 100°F (38°C) : การสูญเสียระยะทางอยู่ที่ 31%
หมายเหตุ อุณหภูมิในประเทศไทยในช่วงฤดูร้อนสูงกว่า 38°C ก็อาจจะทำให้ระยะทางหายไปมากกว่า 31%
ย่ิงอุณหภูมิโดยรอบ (อุณหภูมิภายนอกรถ) ไม่ว่าจะร้อนจัดหรือหนาวจัด มีความแตกต่างกับอุณหภูมิภายในรถมากเท่าไหร่ ก็จะมีการใช้พลังงานมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ระยะทางการเดินทางสูงสุดลดลง ไม่ตรงกับระยะทางที่แบรนด์รถยนต์โฆษณาไว้
- บทความที่เกี่ยวข้อง นี่คือเหตุผลว่าทำไมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) วิ่งได้ไม่ไกลเท่าที่ควรในช่วงอากาศหนาวจัด
วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียระยะทางคือ เสียบปลั๊กรถยนต์ไว้กับที่ชาร์จ และให้รถทำความเย็นภายในรถก่อนออกเดินทาง (ปรับสภาพอากาศภายในห้องโดยสารล่วงหน้า) วิธีนี้จะช่วยให้ห้องโดยสารเย็นสบายและไม่ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่มาใช้ เนื่องจากดึงพลังงานจากแหล่งจ่ายไฟแทน
Recurrent เผยว่า ระบบปรับอากาศในรถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ จะใช้พลังงานประมาณ 3-5 kW ในการเริ่มต้นคูลดาวน์ จากนั้นก็จะใช้พลังงานประมาณ 1 kW สำหรับการรักษาอุณหภูมิตามทั้งตั้งไว้
ในกรณีศึกษานี้ ได้ทดสอบกับรถยนต์ไฟฟ้าหลายแบรนด์ ทำให้เราได้เห็นผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนที่ส่งผลต่อระยะทางการใช้งานจริง เช่น Chevrolet Bolt EV เป็นรถที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในช่วงอุณหภูมิ 60°F – 90°F ที่ระยะทงหายไปประมาณ 5%-8%
และจากข้อมูลของรถยนต์ไฟฟ้า 13 คันที่ลงทะเบียนในการศึกษาของ Reccurrent พบว่าการใช้งานจริงเมื่ออยู่ในอุณหภูมิโดยรอบอยู่ที่ 80°F ระยะทางหายไปประมาณ 5% เลยทีเดียว
ส่วนรถ Hyundai Kona Electric ค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานเมื่อใช้งานในสภาพอากาศอุ่น โดยให้ระยะทางกว่า 122% – 130% ของระยะทางที่โฆษณาไว้ เมื่อขับขี่ในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมระหว่าง 60°F – 95°F
ส่วน Ford Mustang Mach-E ก็ทำได้ดีกว่าระยะทาง EPA เมื่อใช้งานในช่วงอุณหภูมิ 80°F – 95°F แต่ในการขับขี่ในอุณหภูมิ 60°F นั้นส่งผลให้ระยะทางลดลงประมาณ 7% จากข้อมูลที่มาจากรถ 20 คัน
และสำหรับ Tesla พบว่าการสูญเสียระยะทางจากสภาพอากาศร้อนนั้นน้อยที่สุด เนื่องจากปั๊มความร้อนประสิทธิภาพสูงในรถ Tesla รุ่นใหม่ สามารถจัดการทั้งความเย็นและความร้อน ซึ่ง Recurrent เผยว่า รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ไม่ว่าจะเป็น Model 3, Model Y, Model S หรือ Model X นั้น จะใช้พลังงานเพียง 1 kW หรือสูงสุด 6 kW สำหรับการทำให้ห้องโดยสารเย็นลง แต่โดยเฉลี่ยตัวเลขจะอยู่ที่ 1 kW – 3 kW เท่านั้น
กรณีศึกษานี้เห็นได้ว่า รถยนต์ไฟฟ้าแต่ละแบรนด์จะสูญเสียระยะทางในอุณหภูมิที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามภาพอากาศร้อน มีอุณหภูมิสูง ย่อมส่งผลต่อการใช้พลังงานแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่จะต้องนำพลังงานมาทำให้ห้องโดยสารเย็นลง ทำให้ระยะทางการเดินทางลดลงมากกว่าที่แบรนด์เคลมไว้ ดังนั้นการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะในเมืองไทยที่มีสภาพอากาศร้อน ก็อาจจะต้องวางแผนการเดินทางให้ดี
ที่มา insideevs