Sakura P.
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามักถูกนำมาเป็นข้ออ้างหลักสำหรับผู้ที่ไม่เคยขับรถยนต์ไฟฟ้า โดยส่วนใหญ่ก็จะชอบพูดกันว่า “แบตเตอรี่ไฟฟ้าอยู่ได้แค่ไม่กี่ปี” และยังคงเป็นข้อกังวลของใครหลายคน ล่าสุดมีกรณีศึกษาใหม่รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพแบตเตอรี่ในระยะยาวที่ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าและผู้ที่กำลังจะเข้าสู่วงการนี้เป็นครั้งแรก
กรณีศึกษาเผย แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานนานกว่ารถยนต์น้ำมันทั่วไป ประมาณ 6 ปี
กรณีศึกษาใหม่ แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานนานกว่ารถยนต์น้ำมัน
ตามข้อมูลจาก Geotab บริษัทเทเลเมติกส์ยานยนต์จากสหราชอาณาจักรเผยว่า แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่สามารถใช้งานได้นานถึง 20 ปี โดยมีการเสื่อมสภาพน้อยมากในแต่ละปี ซึ่งยาวนานกว่าอายุเฉลี่ยของรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาถึง 6 ปี (รถยนต์โดยเฉลี่ยในอเมริกามีอายุ 14 ปี)
ตลอดระยะเวลา 20 ปีนี้ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจะเสื่อมสภาพประมาณ 1.8% ต่อปี หมายความว่าระยะทางขับขี่จะหายไปประมาณ 1.8% ในแต่ละปี และหลังจาก 20 ปี ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังสามารถใช้งานได้อีก 64% ของระยะทางขับขี่เริ่มต้น โดยข้อมูลนี้ได้มาจากการวิเคราะห์รถยนต์ไฟฟ้ากว่า 10,000 คัน
อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแรงดันสูงก็สามารถเสียได้ แต่อัตราการเสียนั้นน้อยมากจนไม่มีผลทางสถิติ จากการศึกษาหนึ่งพบว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเสียของแบตเตอรี่น้อยกว่า 0.5%
ปัจจัยที่มีผลต่อการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่
การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ครั้งใหญ่มักจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีแรกของอายุแบตเตอรี่ แต่หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ลดลง ก่อนที่จะมีการเสื่อมสภาพเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายของอายุการใช้งาน
และยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ด้วย อย่างเช่น สภาพอากาศร้อนที่เพิ่มการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ดังนั้น หากเป็นไปได้ ควรจอดรถยนต์ไฟฟ้าในที่ร่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำลังชาร์จ
การดูแลและเทคโนโลยีช่วยยืดอายุแบตเตอรี่
รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ ๆ ในปัจจุบัน มีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่ แต่การรักษาอุณหภูมิให้เย็นอยู่เสมอดีกว่าปล่อยให้ร้อน ซึ่งความร้อนก็เป็นสาเหตุที่ทำให้การชาร์จเร็วแบบ DC เพิ่มอัตราการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ได้เมื่อเทียบกับการชาร์จแบบ AC
การมีแบตเตอรี่แบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะสามารถช่วยควบคุมอุณหภูมิได้ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร ซึ่ง Nissan Leaf รุ่นล่าสุดมีแบตเตอรี่ที่ระบายความร้อนด้วยของเหลว แต่ 2 รุ่นก่อนหน้ามีระบบระบายความร้อนแบบพาสซีฟ ซึ่งทำให้เสื่อมสภาพได้ง่ายกว่า
การรักษาระดับประจุแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20% – 80% สำหรับแบตเตอรี่ชนิด NMC และ NCM ก็เป็นวิธีที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ ส่วนแบตเตอรี่แบบ LFP ไม่จำเป็นต้องรักษาระดับประจุแบตเตอรี่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีผลการศึกษาหนึ่งพบว่า การชาร์จแบตเตอรี่ LFP จนเต็มอยู่ตลอดเวลาอาจทำให้อายุการใช้งานลดลงได้
แต่ถึงแม้ว่าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะชาร์จตามคำแนะนำเหล่านี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาไม่ว่าจะใช้งานหรือไม่ก็ตาม เช่นเดียวกับท่อและปั๊มของรถยนต์น้ำมันที่จะเสื่อมสภาพหากจอดทิ้งไว้นานหลายปี
จากกรณีศึกษาดังกล่าว ทำให้เราทราบว่า ถึงแม้จะมีแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจะมีการเสื่อมสภาพ แต่การใช้ระยะยาวแล้ว ก็มีอายุมากกว่าหรืออาจจะเทียบเท่าการเสื่อมสภาพของรถยนต์น้ำมัน ดังนั้นผู้ใช้งานหรือผู้คนทั่วไปที่กำลังจะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า ก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลมากนัก นอกเสียจาก แบตเตอรี่เสียหรือเกิดอุบัติเหตุรุนแรง
ที่มา insideevs
