ใน , , ,

MINI Aceman EV SUV คันเล็ก ยืนยันจะเผยโฉม 24 เมษายน 2024

MINI เตรียมปล่อยรถยนต์ไฟฟ้า 100% segment ใหม่ใช้ชื่อวาน MINI Aceman ที่วางตำแหน่งขนาดตัวระหว่าง MINI Cooper SE และ Countryman แบรนด์จะเผยโฉม Aceman ไฟฟ้า SUV ขนาดเล็กคันนี้ในวันที่ 24 เมษายน 2024

MINI Aceman EV SUV คันเล็ก ยืนยันจะเผยโฉม 24 เมษายน 2024

MINI พยายามร่วมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วย Aceman EV รถ Crossover ขนาดเล็ก ที่ทางแบรนด์ตั้งใจวางตำแหน่งไว้ระหว่าง MINI Cooper และคันใหญ่สุดอย่าง MINI Countryman ทาง MINI จะเผยโฉมครั้งแรกในงาน Beijing Motor Show ปี 2024 ก่อนที่จะเริ่มขายจริงช่วงสิ้นปีที่ราคาประมาณ 38,000 ปอนด์ (ประมาณ 1.7 ล้านบาท)

ด้วยความยาวของรถประมาณ 4 เมตร ทำให้ MINI Aceman สามารถเทียบกับคู่แข่งได้อย่าง Volvo EX30 Hyundai Kona Electric, Renault Megane E-Tech, Jeep Avenger และ Smart #1 และคู่แข่งในอนาคตอย่าง Ford Puma EV หรือหากเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้า C-Segment ท้าย Hatchback ก็จะชนกับ Peugeot E-308 หรือ Astra Electric นั้นเอง

Aceman จะใช้แพลตฟอร์มโดยเฉพาะสำหรับ EV แบบเดียวกันกับ MINI Cooper และหยิบยืมพละกำลังไฟฟ้าที่แรงที่สุดมาจากรุ่นน้องอย่าง MINI Cooper SE  ทาง MINI คอนเฟิร์มแล้วว่าจะใช้แบตเตอรี่ความจุขนาด 54.2kWh ทำระยะวิ่งได้สูงสุด 402 กม./ชม.

MINI Aceman หน้าตาจะออกมาแบบไหน?

MINI Aceman อาจจะมีการเปลี่ยนดีไซน์เล็กน้อยจากที่คาดไว้ แต่อาจจะอิงจากดีไซน์เดิมในการออกแบบคล้ายกับที่ Cooper และ Countryman ตัวใหม่ได้ปล่อยออกมา จะเน้นการออกแบบที่สวยงาม เรียบหรู และมีมัดกล้ามเพิ่มมากขึ้น

จากภาพที่เผยออกมาล่าสุดเกี่ยวกับจุดที่แตกต่างใน Aceman ก็จะเป็นการออกแบบที่ดูหนาขึ้นมากกว่า MINI โมเดลปัจจุบัน และเน้นให้มีสไตล์ที่สวยงามมากขึ้น เหล่านี้ทำให้ MINI จำเป็นต้องไปลดทอนให้ห้องโดยสารแคบลงกว่า Countryman แต่เข้ากับการออกแบบไฟหน้าที่อยู่สูงได้อย่างลงตัว

การเป็นโมเดลไฟฟ้า 100% ของ MINI Aceman จะมาพร้อมกระจังหน้าแบบตัน 8 เหลี่ยมเหมือนพี่น้อง MINI และการหลังคาแบบ MINI floating roof effect ที่สวยงามแบบใหม่ และสิ่งที่ไม่เหมือนกับ MINI Cooper ของ Aceman ก็คือกระจกบานประตูจะเป็นแบบมีขอบ และก้านล้อดีไซน์ที่สวยงามที่หายไปจากรุ่น Hatchback อื่น ๆ

ทั้งกระจกหน้าและหลังจะมีมุมที่ชันกว่า MINI รุ่นอื่น ๆ ให้อารมณ์และการใช้งาน Crossover SUV ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ดี ด้วยการออกแบบกระจกหน้ารูปแบบนี้จะช่วยเพิ่มเรื่องของหลักพลศาสตร์ และเพิ่มประสิทธิภาพในย่านความเร็วสูงได้อีกด้วย

อเนกประสงค์ และกว้างขึ้น

MINI คอนเฟิร์มมิติตัวรถของ Aceman แล้วด้วยความยาว 4,075 มม. กว้าง 1,754 มม. (ไม่รวมกระจกข้าง) และสูง 1,495 มม. จะสั้นกว่า Volvo EX30 อยู่ประมาณ 150 มม. และคู่แข่งอื่น ๆ คันนี้จะถูกรวมอยู่ในกลุ่ม รถยนต์ 5 ประตู Superminis (รถยนต์ segment ขนาดเล็ก) เช่น Hyundai i20 รวมถึงคันที่ราคาค่าตัวที่ใกล้เคียงกันอย่าง Kia Kona

เราได้มีโอกาสได้นั่งรถตัวอย่าง เรารู้สึกว่าฐานล้อนั้นมีความกว้างมากขึ้น ภายในห้องโดยสารของ Aceman กว้างขว้างเพียงพอ ที่นั่งตอนหลังคนที่สูงประมาณ 180 ซม. ก็สามารถนั่งได้โดยที่เบาะหน้าก็ปรับที่คนไซส์เดียว ที่เก็บสรรมภาระตอนหลังถือว่าแคบแม้ว่าจะพยายามยกให้สูงขึ้นก็ตาม

การออกแบบภายใน?

ห้องโดยสารของ Aceman จะเหมือนกับรุ่น Hatchback 3 ประตู ได้จอกลาง OLED แบบบางขนาด 9.4 นิ้ว ทรงกลม สำหรับหน้าจอจะมีการแจ้งเตือนในเรื่องของความเร็ว และสถานะการชาร์จของตัวรถ เหมือนกับทาง Volvo EX30

คันนี้จะมีปุ่ม ‘MINI Experience Modes’ ที่จะเปลี่ยนอารมณ์ในตัวรถเช่นรูปแบบจอ รวมถึงไฟ Ambient light ในรถ และให้เพลงประกอบที่เข้ากับอารมณ์ต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจ ใน MINI Cooper ผู้ขับสามารถเลือกโหมดได้เช่น Core, Green, Go-Kart, Personal, Vibrant, Timeless และ Balance

จาการพูดคุยกับ Auto Express ประธาน MINI อย่าง Stephanie Wurst เผยโฉม Aceman และกล่าวว่า “รถคอนเซ็ปคันนี้ให้อารมณ์แบบเกมมาก ๆ” และกล่าวว่า “การให้อารมณ์การขับขี่เสมือนรถโกคาร์ทถือเป็นประสบการณ์ที่สำคัญมาก” เขายังคอนเฟิร์มอีกว่าเวอร์ชันชุดแต่งอย่าง John Cooper Works จะมีออกมาให้อย่างแน่นอน Aceman คันนี้จะให้อารมณ์ความสปอร์ตที่ถ่ายทอดจากพละกำลังจากรุ่นท็อป

จะเปิดขายเมื่อไหร่?

หลังจากการเปิดตัวในวันที่ 24 เมษายน 2024 MINI Aceman จะเปิดขายก่อนช่วงสิ้นปีนี้ ราคาของคันนี้จะแตกต่างระหว่าง MINI Cooper SE ที่ได้แบตเตอรี่จุ 54.2 kWh เหมือนกับ Aceman และ MINI Countryman EV ด้วยราคาช่วงประมาณตั้งแต่ 34,500 ปอนด์ (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) และ 42,080 ปอนด์ (ประมาณ 1.9 ล้านบาท) ซึ่ง Aceman ราคาคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 38,000 ปอนด์ (ประมาณ 1.7 ล้านบาท)

MINI Aceman จะเริ่มผลิตพร้อมกับรุ่น 3 ประตูอย่าง MINI Cooper EV ในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม การลงทุนสร้างโรงงานผลิตที่ออกฟอร์ดกว่า 600 ล้านปอนด์ ทั้ง 2 คันจะถูกผลิตพร้อมกันที่อังกฤษภายในปี 2026

ที่มา : Auto Express

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Nuttanon P.