ใน

ได้เวลาออกโรงโต้! Toyota โต้กลับสาวกรถ EV คิดผิด

หลังจากที่ Toyota ได้รับคำวิจารณ์เกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ของเขา ล่าสุดถึงคราวที่ต้องตอบกลับสิ่งเหล่านั้นบ้างแล้ว

Toyota เป็นที่รู้จักกันดีในด้านผลิตเรื่องรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮบริด แต่ด้วยผู้ผลิตรายอื่นได้มุ่งมั่นผลิตรถ EV เพียงอย่างเดียว แบรนด์รถญี่ปุ่นแบรนด์นี้ยังคงล้าหลังในแง่ของการยอมรับการผลิตรถ EV ในระดับที่กว้างขึ้น

แม้ในขณะที่ Toyota เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม EV โดยเฉพาะ แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์รถไฟฟ้าทั้งหมด และตอนนี้กำลังใช้หลักการวิทยาศาสตร์เพื่อบอกกับกลุ่มสาวก EV ว่าพวกเขาคิดผิด

ตามข้อเท็จจริงแล้ว Gill Pratt หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของผู้ผลิตรถยนต์กล่าวว่าแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตที่ยั่งยืนคือการใช้พลังงานอย่างหลากหลาย เช่น การผสมผสาน EV เข้ากับรถไฮบริดและเทคโนโลยีไอทีเพื่อสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ ไม่ใช่แค่รถยนต์ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เพียงเท่านั้น

Gill Pratt กล่าวใน World Economic Forum ที่ Davos ประเทศ Switzerland ไว้ว่า “เวลาจะแสดงให้เห็นว่ามุมมองของเรานั้นถูกต้องจริงๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จะมีระบบส่งกำลังที่หลากหลายและใช้กันได้ทั่วโลก” ในขณะที่รถยนต์หลายยี่ห้อให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต เช่น Honda, Acura, Cadillac, Jaguar, Mercedes-Benz, Audi และอีกมากมาย ที่กล่าวว่าพวกเขาจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ค่าคาร์บอนในโลกนี้ให้เป็นกลาง ในศตวรรษนี้

ในทางตรงกันข้าม Toyota ต้องการขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดประมาณ 5.5 ล้านคันต่อปีตั้งแต่ปี 2030 รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า 3.5 ล้านคัน ซึ่งรวมถึงรถยนต์ยี่ห้อ Lexus ทั้งหมด 1 ล้านคัน

ดังนั้น Toyota ไม่ได้ต่อต้านการผลิตรถ EV แต่เชื่อมั่นในแนวทางที่หลากหลายและคาดการณ์ว่าทั่วโลกจะขาดแคลนลิเธียม ซึ่งเป็นวัสดุที่สำคัญที่สุดที่ใช้ในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในปัจจุบันที่พบใน เฉพาะรถ EV, ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด

Gill Pratt และทีมของเขาได้ข้อสรุปว่าเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้มากที่สุด การกระจายลิเธียมที่มีอยู่อย่างจำกัดต้องกระจายไปในรถยนต์จำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากขึ้น และทำให้รถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้ามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เขาตั้งสมมุติฐานว่ามีรถเครื่องยนต์สันดาปภายในจำนวน 100 คัน โดยมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 250 กรัม/กิโลเมตร หากสมมติว่าเรามีลิเธียมในปริมาณจำกัดก็เพียงพอสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ขนาด 100 กิโลวัตต์-ชั่วโมง หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ Toyota กล่าวว่าหากใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียว การปล่อยมลพิษเฉลี่ยของทั้งขบวนรถจะลดลงเพียง 1.5 กรัม/กม.

แต่ถ้านำลิเธียมจำนวนน้อยกระจายไปในแบตเตอรี่ขนาด 1.1 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่มีขนาดเล็กกว่า ก็สามารถผลิตรถยนต์ไฮบริดได้ 90 คัน ซึ่งยังคงเหลือรถยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม 10 คัน แต่ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างรวดเร็วโดยเฉลี่ยตามทฤษฎีจะลดลงต่ำกว่ามากเป็น 205 ก./กม.

Gill Pratt ได้กล่าวกับทาง Automotive News  ไว้ว่า

สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือเราต้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และเราต้องหยุดคิดเพ้อฝัน ประเด็นที่ต้องถกเถียงที่แท้จริงคือสิ่งเหล่านี้คือข้อจำกัดในการพัฒนาทรัพยากรของโลก ทั้งทรัพยากรวัสดุ และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการชาร์จพลังและพลังงานหมุนเวียน… หากเป็นเช่นนั้นจริง เราจะลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดที่จะสะสมได้อย่างไร? นั่นคือการพูดคุยอย่างมีวุฒิภาวะ ไม่ใช่การพูดคุยแบบเพ้อฝัน

Gill Pratt ได้รับแรงบันดาลใจในการเจาะลึกคำถามเกี่ยวกับแบตเตอรี่จากประสบการณ์ของครอบครัวของเขากับ Tesla Model X ซึ่งใช้ระยะทางไปมากกว่า 480 กิโลเมตร แต่ปกติแล้วรถจะขับเคลื่อนน้อยกว่า 48 กิโลเมตรต่อวัน ซึ่งหมายถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของแบตเตอรี่ คือ “ตัวถ่วง” สำหรับการใช้รถไฟฟ้าครั้งนี้

ที่มา – insideevs

 

 

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Thanakrit Kongpon