Nuttanon P.
ตามประกาศบน Weibo ทาง Xiaomi EV แผนกรถยนต์ไฟฟ้าของ Xiaomi ได้เริ่มส่งมอบ SU7 Ultra ให้กับลูกค้ากลุ่มแรกในวันนี้ ณ โรงงานผลิตรถยนต์ในกรุงปักกิ่ง พร้อมยอดจองที่ดีเกินคาด
Xiaomi SU7 Ultra ยอดจองทะลุ 10,000 คัน เกินยอดรายปีใน 2 ชม.!
Xiaomi เปิดตัว SU7 Ultra อย่างเป็นทางการในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่พละกำลังสูงสุดถึงมหาศาลถึง 1,548 แรงม้า เป็นรุ่นตัวแรงที่พัฒนาจาก SU7 รุ่นมาตรฐาน
ราคาจำหน่ายและยอดขายที่น่าทึ่ง
Xiaomi SU7 Ultra มีราคาเริ่มต้นที่ 529,900 หยวน (ประมาณ 2,680,000 บาท) ถือว่าถูกกว่าราคาพรีเซลล์ที่เคยประกาศไว้ที่ 814,900 หยวน (ประมาณ 4,120,000 บาท) ถึง 285,000 หยวน หรือประมาณ 34.97%.
สำหรับ SU7 รุ่นมาตรฐาน เปิดตัวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมปีที่แล้ว ราคาเริ่มต้นที่ 215,900 หยวน (ประมาณ 1,090,000 บาท) และได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้ามากกว่า 248,000 คันในปีที่ผ่านมา โดยมีการส่งมอบสะสมแล้วกว่า 135,000 คัน
กระแสตอบรับ SU7 Ultra เกินคาด
หลังจากเปิดรับคำสั่งซื้อเพียง 10 นาที Xiaomi EV เปิดเผยว่า SU7 Ultra ได้รับคำสั่งซื้อกว่า 6,900 คัน และสามารถทำยอดขายถึง 10,000 คัน ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง ถือเป็นเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้เลยทีเดียว
Lei Jun ผู้ก่อตั้ง ประธาน และ CEO ของ Xiaomi เปิดเผยในวันนี้ว่า SU7 Ultra มียอดคำสั่งซื้อที่ยืนยันแล้วถึง 19,000 คัน และยอดคำสั่งซื้อแบบล็อกอินมากกว่า 10,000 คัน ซึ่งทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายทั้งปีได้เร็วกว่ากำหนด
Xiaomi EV ได้เสนอเงื่อนไขให้ลูกค้าที่สั่งซื้อแบบยืนยันสามารถขอคืนเงินมัดจำ 20,000 หยวน (ประมาณ 100,000 บาท) ได้ภายใน 7 วัน ส่วนคำสั่งซื้อล็อกอินนั้นไม่สามารถขอคืนเงินได้
เป้าหมายยอดขายและแนวโน้มอนาคต
Lei Jun เคยประกาศเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ว่า เป้าหมายยอดขายของ SU7 Ultra ในปี 2025 จะอยู่ที่ 10,000 คัน เป้าหมายนี้อาจจะฟังดูน้อย เนื่องจาก Xiaomi ถือเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในจีน
Lei อธิบายบน Weibo ว่า ยอดขายของรถยนต์ซีดานที่มีราคาสูงกว่า 500,000 หยวน (ประมาณ 2,530,000 บาท) ในจีนตลอดปีที่แล้วอยู่ที่ 121,000 คันเท่านั้น
“เดิมทีเราวางแผนเป้าหมายยอดขายของ SU7 Ultra ไว้ที่ 10,000 คันในปีนี้ ซึ่งถือว่าไม่ใช่เป้าหมายที่ต่ำ แต่ยอดขายกลับทำได้ดีเกินที่คาดไว้มาก” Lei กล่าว
เขายังเสริมว่า คำสั่งซื้อของ SU7 Ultra สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ทำให้เขายังคงต้องหารือกับทีมเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังการผลิตของรุ่นตัวแรงนี้อย่างต่อเนื่อง
ที่มา : Cnevpost
