ใน ,

เทคโนโลยีจาก Cybertruck อาจมาสู่รถยนต์ Tesla ในอนาคต มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง มาชมกัน

Cybertruck ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของยานยนต์ Tesla ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดตัว Model Y รุ่นใหม่ไม่นานมานี้ แต่ก็ยังไม่เห็นเทคโนโลยีจาก Cybertruck มาสู่ Model Y ใหม่ สิ่งที่น่าสนใจคือในงานประชุมผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ไม่กี่วันที่ผ่านมา Tesla เปิดเผยว่ายานยนต์ในอนาคตจะใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติที่มีเฉพาะใน Cybertruck มาชมกันว่าในกระบะรุ่นนี้มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง

เทคโนโลยีจาก Cybertruck อาจมาสู่รถยนต์ Tesla ในอนาคต มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง มาชมกัน

คุณสมบัติที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Cybertruck

โครงสร้างภายนอกสแตนเลสสตีล (Stainless Steel Exoskeleton)

โครงภายนอกแบบสแตนเลสสตีลรีดเย็นของ Cybertruck มีลักษณะเฉพาะ โดยมีความแข็งแรงและมีน้ำหนักเยอะ จึงทำให้เกิดข้อสัยว่า Tesla จะนำโครงสร้างตัวถังภายนอกแบบนี้ไปใช้กับรถประเภทอื่นหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ยาก เว้นแต่ว่า Tesla มีแผนจะทำ CyberSUV

กระบวนการผลิตดัดด้วยลม (Air Bending Manufacturing Process)

Tesla ใช้กระบวนกดัดด้วยลมเฉพาะ โดยดัดตัวถังสแตนเลสรีดเย็นได้โดยไม่ต้องสัมผัสสแตนเลสสตีล การดัดนี้เป็นวิธีที่ Tesla สร้างรูปทรงของ Cybertruck ให้โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์

ด้านการผลิตและการออกแบบ

เทคโนโลยี Giga Castings

Model Y หล่อขึ้นรูปด้วยเครื่องหล่อปั๊ม Gigapress ขนาด 6,000 ตัน ส่วน Cybertruck ใช้เครื่องหล่อปั๊มขนาด 9,000 ตันในการสร้างโครงสร้างด้านหน้าและด้านหลัง กระบวนการนี้ ช่วยลดจำนวนชิ้นส่วนของรถและลดความซับซ้อนในการประกอบขั้นสุดท้าย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ต้นทุนต่ำลง

ผสมผสานระบบเสียงกับโครงสร้างตัวถัง (Integrated Audio with Body Structure)

เทคโนโลยี Giga Casing ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสียงจากซับวูฟเฟอร์ของ Cybertruck ซึ่งเป็นระบบเสียงแบบตอบสนอง ช่วยให้ส่งเสียงไปยังผู้โดยสารในรถได้ ทำให้เสียงชัดเจนและตอบสนองได้ดีขึ้น

ด้านระบบส่งกำลังและสถาปัตยกรรมไฟฟ้า

สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 48V (48-Volt Electrical Architecture)

สถาปัตยกรรมไฟฟ้าแรงดันต่ำ 48V ที่มาพร้อม Cybertruck มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ช่วยลดต้นทุนการเดินสายไฟภายในรถได้ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าลดลง 4 เท่า ในขณะที่ความร้อนที่เกิดขึ้นก็ลดลง 16 เท่า เมื่อเดียวกับการเดินสายไฟ 12V แบบเดิม

โดยรวมแล้ว การเดินสายไฟแบบ 48V ใช้สายไฟน้อยลง ส่งผลให้น้ำหนักลดลง และระบบไฟฟ้าเรียบง่ายขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานเพิ่มขึ้นด้วย

ระบบแบตเตอรี่ 800V (800-Volt Battery System)

ในด้านสถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ Tesla ได้ใช้ระบบส่งกำลังแรงดันไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทำให้ยานพาหนะขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พลังงานสูงมีประสิทธิภาพดีขึ้น ประโยชน์ของสถาปัตยกรรม 800V ก็คล้ายกับสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 48V คือ ใช้สายไฟเล็กลง สร้างความร้อนน้อยลง และลดต้นทุนการเดินสายไฟ

นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมแบตเตอรี่ 800V ยังช่วยให้กระบะ Cybertruck เป็นรถ Tesla คันแรกที่ชาร์จเร็วได้ 325 kW และจะเพิ่มเป็น 500 kWh ในเร็ว ๆ นี้

สถาปัตยกรรมการเชื่อมต่อ Etherloop (Etherloop Communication Architecture)

สถานปัตยกรรมไฟฟ้าแรงดันต่ำ 48V ยังช่วย Tesla ใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อแรงดันต่ำภายในรถยนต์ด้วย  Low-Voltage Connector Standard (LVCS) ได้ เพิ่มประสิทธิภาพการเดินสายไฟให้สามารถสื่อสารได้ทั่วทั้งรถ [อ่านข้อมูลเพิ่มเติม]

เราจะแผนผังการเชื่อมต่อสายไฟทั้งหมด และสามารถระบุตำแหน่งที่ผิดพลาดได้ ซึ่งแผนผังนี้จะช่วยให้ช่างเทคนิคค้นหาขั้วต่อเพื่อเปลี่ยนหรือซ่อมแซมได้ง่ายมากขึ้น

การชาร์จแบบ 2 ทิศทาง (Powrshare)

Cybertruck เป็นรถ Tesla คันแรกที่มีคุณสมบัติ Powrshare คือ การชาร์จ 2 ทิศทาง หรือที่เรารูจักกันในชื่อ Vehicle-to-Load (V2L) หรือ Vehicle-to-Home (V2H)

ถ้าหาก Tesla นำคุณสมบัตินี้ไปใส่ในรถยนต์รุ่นอนาคต รถยนต์เหล่านั้นก็จะสามารถจ่ายไฟให้กับบ้าน รถยนต์ไฟฟ้าคันอื่น หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ [อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม]

Charge other electric vehicles when your friends or family need it.

ด้านการขับขี่และความสบาย

กระจกลามิเนต (Custom Laminated Glass)

Tesla ได้ใช้กระจกลามิเนตใหม่กับกระจกบังลม กระจกด้านข้าง และกระจกหลังใน Cybertruck ซึ่งกระจกตัวนี้ช่วยปรับปรุงการแยกเสียงรบกวน และป้องกันรังสี UV ได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ภายในรถเย็นลงได้

ระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้ (Adaptive Air Suspension)

ระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้ใน Cybertruck ทำให้ระมีระยะห่างจากพื้นสูงสุด 12 นิ้ว ถึงแม้ว่ารถรุ่น Model S และ Model X จะมีระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้อยู่แล้ว แต่ใน Cybertruck นั้นให้ความนุ่มนวลและสะดวกสบายมากกว่า ในเวลาที่ขับขี่บนทางที่ขรุขระ

ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า (Steer-by-Wire)

Steer-by-Wire หรือ ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า คือระบบควบคุมพวงมาลัยด้วยไฟฟ้าแทนกลไกแบบเดิม พวงมาลัยจะส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ให้หมุนล้อจริง

ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้านี้จะปรับอัตราส่วนการเลี้ยวอัตโนมัติตามความเร็วของรถ ทำให้การควบคุมรถมีความแม่นยำและราบรื่นมากขึ้น เช่น เวลายูเทิร์นหรือจอดรถ ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องหมุนพวงมาลัยหลายรอบ

ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง (Rear Wheel Steering)

ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังใน Cybertruck ช่วยให้รถมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบลง ทำให้การเลี้ยวรถง่ายขึ้น นอกจากนี้ ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังยังเพิ่มความเสถียรภาพของรถเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง โดยการเอียงล้อเข้าด้านในเมื่อมีการเปลี่ยนเลน

คาดการณ์: คุณสมบัติไหนที่มีโอกาสนำไปใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่

หลังจากที่เราได้ทราบคุณสมบัติที่มีประโยชน์ใน Cybertruck แล้ว ต่อไปมาคาดการณ์กันดีกว่าว่า คุณสมบัติไหนบ้างที่มีความเป็นไปได้จะนำไปใช้ในยานยนต์ Tesla รุ่นใหม่ในอนาคต

 

คุณสมบัติ การใช้งานในอนาคต
โครงสร้างภายนอกสแตนเลสสตีล
กระบวนการผลิตดัดด้วยลม
เทคโนโลยี Giga Castings
ผสมผสานระบบเสียงกับโครงสร้างตัวถัง
สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 48V
ระบบแบตเตอรี่ 800V
สถาปัตยกรรมการเชื่อมต่อ Etherloop
การชาร์จแบบ 2 ทิศทาง
กระจกลามิเนต
ระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้
ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้า
ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง

สรุป

ถึงแม้ว่า Cybertruck จะไม่ใช่รถยนต์ขายดีเหมือนกับ Model Y และ Model 3  แต่สิ่งสำคัญคือ เราได้เห็นเทคโนโลยีภายในที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของ Tesla

ในตอนนี้ Tesla ยังไม่ได้ระบุชัดเจนว่าคุณสมบัติบางอย่างบน Cybertruck จะใช้กับยานยนต์รุ่นใด แต่ก็คาดว่ายานพาหนะในอนาคตส่วนใหญ่จะใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติเหล่านี้ ซึ่งช่วยลดต้นทุนและทำให้การชาร์จไฟเร็วขึ้น

ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ที่ Tesla ระบุว่าจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ราคาประหยัด (ที่เรียกกันกว่า Model Q หรือ Project Redwood) จะมีสเปคเป็นอย่างไร และจะมีการนำเอาคุณสมบัติเหล่านี้มาใส่บ้างหรือไม่ รอเลย!

ที่มา notateslaapp

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.