Nuttanon P.
Tesla เตรียมเปิดตัว “Cybercab” ภายใน 8 เดือน รถยนต์ไฟฟ้าไร้พวงมาลัย และคันเร่ง เตรียมเข้าสู่ Robotaxi
Tesla กำลังได้รับความสนใจอีกครั้งในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด Elon Mask ได้ประกาศว่า “Cybercab” รถยนต์ไฟฟ้าไร้คนขับรุ่นใหม่ของบริษัท จะเริ่มเข้าสู่สายการผลิตภายใน 251 วัน หรือประมาณกลางปี 2026 จุดเด่นของรถรุ่นนี้คือ “ไม่มีพวงมาลัยและไม่มีคันเร่ง” เพราะออกแบบมาให้ขับเองได้ทั้งหมด
ก้าวสำคัญของเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ
Elon เผยว่า Tesla กำลังพัฒนาเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ Full Self-Driving (FSD) เวอร์ชันใหม่ ที่ใช้ระบบกล้องตรวจจับรอบคัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งเรดาร์หรือเซนเซอร์อื่น ๆ ตอนนี้ลูกค้าทั่วไปได้ทดลองใช้ FSD เวอร์ชัน 14 แล้ว ที่ครั้งนี้ได้รับคำชมว่าทำงานได้เนียน และดีขึ้นมาก
“เราจะเร่งการผลิตให้เร็วที่สุดเท่าที่ซัพพลายเออร์จะรองรับได้ ถ้ามันเมื่อพร้อม เราจะขยายโรงงานเพิ่มเติม เพราะโปรเจคที่เราเร่งที่สุดคือ Cybercab ซึ่งจะเริ่มผลิตในไตรมาสที่ 2 ปีหน้า”
อนาคตรถไร้พวงมาลัย
สำหรับใครที่ยังคิดว่า Tesla จะใส่พวงมาลัยหรือคันเร่งในรุ่นขายจริง ทาง Elon ยืนยันว่า “ไม่มีแน่นอน” เขาอธิบายว่า Cybercab ถูกออกแบบมาเพื่อการขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบโดยเฉพาะ เพื่อให้มีต้นทุนต่อการใช้งานแต่ละกิโลเมตรให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้
พูดง่าย ๆ นี่ก็คือ “Robotaxi” หรือแท็กซี่ไร้คนขับที่ Tesla เคยพูดถึงมาหลายปี เรียกได้ว่าใกล้ความจริงเข้ามาแล้วครับ
ความท้าทายในการผลิต
ถึงแม้ Elon จะประกาศแผนเร่งผลิต แต่ปัจจุบันโรงงาน Gigafactory Texas ที่ผลิต Cybertruck ยังมีกำลังผลิตเพียง 20% เท่านั้น และ Tesla เองก็เคยเตือนว่าผลประกอบการในบางไตรมาสต่อไปอาจยังไม่ดี หลังจากได้รับแรงหนุนจากเครดิตภาษีช่วงก่อนหน้า
นี่ก็ทำให้หลายคนสงสัยว่า ความต้องการที่ Elon พูดถึงนั้น มาจากใครกันแน่ นักลงทุน? ลูกค้า FSD? หรือคนทั่วไปที่อยากได้รถไฟฟ้าขับเองในราคาย่อมเยา?
จุดเปลี่ยนใหม่ของ Tesla?
ถ้า Tesla สามารถเปิดตัว Cybercab ได้จริงตามแผนในกลางปี 2026 และทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น นี่อาจจะเป็น “จุดเปลี่ยนครั้งใหม่” ของ Tesla เพราะตอนนี้ยอดขาย Tesla เริ่มชะลอตัว กำไรลดลง และรถรุ่นเดิมเริ่มดูเก่า แม้จะเพิ่งปรับโฉมไปไม่นานก็ตาม
ดังนั้น Cybercab อาจเป็นความหวังใหม่ของ Tesla ที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบสามารถเกิดขึ้นได้จริง และอาจเปลี่ยนวิธีการเดินทางของผู้คนทั่วโลกในอนาคต
