ใน

NISSAN ปิดโรงงานในจีน สงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า BYD ทำพิษ

สงครามราคารถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ล่าสุดผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น Nissan ได้เตรียมปิดโรงงานผลิตรถยนต์อีก 1 ราย เนื่องจากกำลังผลิตมากกว่ายอดขายที่ทำได้ในประเทศจีน

NISSAN ปิดโรงงานในจีน สงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า BYD ทำพิษ

ตลาดจีนถือเป็นตลาดการขายที่สำคัญสำหรับ Nissan ซึ่งเกือบ 1 ใน 3 ของยอดขายและกำไรสุทธิทั่วโลกของบริษัทนั้นมาจากประเทศจีน แต่ด้วยผู้ผลิตรถยนต์ในจีนเพิ่มมากขึ้นและทำราคาได้ต่ำกว่า จึงทำให้ Nissan หลุดออกจากตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ 5 อันดับแรกในจีน ปี 2022 และเมื่อปีที่ผ่านมายอดขายในจีนก็ลดลงถึง 16% และมีแนวโน้มว่าจะลดลงต่อเนื่อง

ในเดือนที่ผ่านมา ยอดขายของ Nissan ลดลง 2.8% ขายได้เพียง 64,233 คันในประเทศจีน และคาดว่าจะมียอดขาย 800,000 คันในปีงบประมาณ 2024

รายงานเผยว่า Nissan กำลังจะปิดโรงงาน 1 แห่งในเมืองฉางโจวในวันที่ 28 มิ.ย. นี้ เนื่องจากโรงงานมีกำลังผลิตรถยนต์มากกว่ากายขายออก โรงงานแห่งนี้คิดเป็นประมาณ 8% ของกำลังการผลิตทั้งหมดของบริษัทในประเทศจีน มีกำลังการผลิตประมาณ 130,000 คันต่อปี

การดำเนินธุรกิจในประเทศจีนนั้น Nissan ได้ร่วมทุนกับ Donggeng Motor โดยมีโรงาน 8 แห่งในจีน กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านคันต่อปี ซึ่งมีมากกว่ายอดขาย 800,000 คันที่บริษัทประมาณการไว้ในปี 2024

การปิดโรงงานในจีนนี้ มีเหตุผลมาจาก สงครามราคารถยนต์ในประเทศจีน โดยเฉพาะ BYD ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีนที่ประกาศสงครามกับรถยนต์น้ำมัน Iiberation Battle โดยทำราคารถยนต์ไฟฟ้าให้ต่ำกว่ารถยนต์น้ำมัน เพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์น้ำมันมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ BYD ได้เริ่มเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูก อย่าง BYD Seagull เริ่มต้นที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

จากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มีราคาต่ำกว่าและเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าออกสู่ตลาดในจีน BYD จึงมองว่าแบรนด์รถยนต์น้ำมันจะมีส่วนแบ่งการตลาดลดลงเหลือ 10% จาก 40% ในประเทศจีน

Nissan ไม่ใช่ค่ายรถยนต์รายเดียวที่ได้รับผลกระทบนี้ ผู้ผลิตร่วมสัญชาติอย่าง Toyota, Mitsubishi และ Honda ก็ได้ถอนตัวออกจากจีนด้วยเช่นกัน เนื่องจากยอดขายตกต่ำ

ในขณะที่ BYD ก็เร่งขยายการดำเนินงานไปยังตลาดต่างประเทศทั่วโลก โดยล่าสุด ได้ปิดข้อตกลงการสร้างโรงงานในเม็กซิโกที่เป็นหนึ่งในโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ คาดว่าจะผลิตรถยนต์ได้ 50,000 คันในเม็กซิโกปีนี้

นอกจากนี้ BYD ก็ได้เข้าสู่ตลาดรถยนต์ญี่ปุ่นที่เป็นบ้านของ Nissan และ Toyota จากข้อมูลของสมาคมผู้นำเข้ารถยนต์แห่งญี่ปุ่นเผยว่า BYD นำเข้ารถยนต์คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่นในเดือนมกราคม 2024 ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ดีเลยทีเดียวสำหรับ BYD

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า Nissan จะปิดโรงงานในจีน แต่บริษัทก็ได้จับมือกับผู้ผลิตรถยนต์ Honda เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่แพงสู้กับ BYD และ Tesla โดยเพิ่งจะทำข้อตกลงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และยังมีอีกหลายโครงการ เช่น ร่วมมือกับ Mitsubishi ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและกระบะไฟฟ้าอเมริกา, มุ่งทำแบตเตอรี่ Solid-State สำหรับซูเปอร์คาร์ไฟฟ้า เป็นต้น

ที่มา electrek, reuters

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.