BYD สร้างประวัติศาสตร์ด้วยยอดขายกว่า 400,000 คันในเดือนกันยายนต์ที่ผ่านมา ทำลายสถิติยอดขายเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน รวมถึงยอดขายโดยรวมยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
BYD ทำสถิติยอดขายใหม่ ในเดือนกันยายนและไตรมาสที่ 3 ปี 2024 เติบโตขึ้นต่อเนื่อง
BYD เผยรายงานยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ในเดือนกันยายน ด้วยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (EV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รวมกัน 419,426 คัน
- รถยนต์รุ่น Dynasty และ Ocean ของ BYD มียอดขายรวมกัน 401,572 คัน
- รถยนต์ในแบรนด์ Fang Cheng Bao มียอดขาย 5,422 คัน
- รถยนต์ในแบรนด์ Denza มียอดขาย 10,299 คัน
- รถยนต์ YangWang มียอดขาย 310 คัน
ด้วยยอดขายดังกล่าว สามารถทำลายสถิติสูงสุดเดิมในเดือนสิงหาคม ที่มียอดขาย 373,082 คัน และทำลายสถิติ 4 เดือนติดต่อกัน
การเติบโตของ BYD นั้น ขับเคลื่อนโดยรถยนต์ PHEV เป็นหลัก โดยทำยอดขายได้ 252,647 คันในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
เห็นได้ชัดเจนว่ารถ PHEV เติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยอดขายรถ PHEV ทำยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 7 เดือนติดต่อกัน ยอดขายสะสมบของรถ PHEV ในปี 2024 รวมแล้วเป็น 1.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 53% จากปีก่อน
รองจากรถ PHEV ก็เป็นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (EV) ที่ทำยอดขายในเดือนกันยายนได้ 164,956 คัน เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 11% จากเดือนสิงหาคม 2024
รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ขายดีที่สุดในประเทศจีนคือ BYD Seagull ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาถูกที่สุดของแบรนด์ เริ่มต้นเพียง 69,800 หยวน ทำยอดขายในเดือนกันยายนได้ 43,425 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ทำยอดขายได้ 40,949 คัน
ยอดขายโดยรวมในเดือนกันยายนของ BYD ยังผลักดันให้ยอดขายไตรมาสที่ 3 เติบโตขึ้นด้วยยอดขายกว่า 1.1 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว และยังถือเป็นครั้งแรกที่ BYD ทำยอดขายทะลุ 1 ล้านคันภายในไตรมาสเดียวด้วย
ในไตรมาสที่ 3 BYD ทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้ 443,426 คัน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนรถ PHEV ทำยอดขายได้ 685,830 คัน เพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถือว่าเติบโตขึ้นมากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 3 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนของคู่แข่งอย่าง Tesla ยังคงมากกว่า BYD ด้วยยอดขาย 462,890 คัน และตลอดช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 ทาง Tesla ยังคงเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้า มียอดส่งมอบรถสะสมกว่า 1,293,656 คันในปีนี้ ในขณะที่ BYD ทำยอดได้ 1,169,579 คัน
ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า อีก 3 เดือนที่เหลือในปีนี้ BYD จะสามารถขึ้นแซง Tesla เพื่อเป็นผู้ด้านรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลกได้หรือไม่
ที่มา electrek