ใน ,

BYD Denza N7 มาพร้อมฟีเจอร์ชาร์จให้กับรถคันอื่นได้ และระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของ Huawei

BYD Denza N7 มาพร้อมไฟ Daytime Running Light ดีไซน์ใหม่ ให้ลูกค้าได้เลือก และมีฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่งประกาศออกมา สามารถชาร์จให้กับรถคันอื่นได้ (V2V) จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2023 และเริ่มส่งมอบได้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2023

BYD Denza N7 มาพร้อมฟีเจอร์ชาร์จให้กับรถคันอื่นได้ และระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของ Huawei

ในวันที่ 30 พฤษภาคม ทางบริษัทประกาศว่า Denza N7 SUV ไฟฟ้าคันนี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2023 และเริ่มส่งมอบได้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2023 โดยรุ่นดังกล่าวเป็นรถ EV คันที่สองของแบรนด์ Denza ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมที่อยู่ภายใต้ BYD

ไฟ Daytime Running Light แบบเดิม
ไฟ Daytime Running Light แบบใหม่

Denza N7 ได้ทำการเปิดจองล่วงหน้าไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยจำนวน 10,569 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 7 วันเท่านั้น และ Denza ยังประกาศว่า N7 จะนำเสนอรูปแบบด้านหน้า 2 รูปแบบ มันจะแตกต่างกันตรงที่ไฟ Daytime Running Light บริเวณใต้ไฟหน้า รุ่นนึงจะเป็นเส้น LED แบบตรงเส้นเดียว และอีกรุ่นนึงจะดีไซน์เป็นเส้นๆขีดๆ ก็มีความสวยงามเช่นกัน

ดีไซน์ภาพรวม

Denza N7 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทรง SUV 5 ที่นั่ง ใช้แพลตฟอร์ม e-Platform 3.0 ของ BYD โดยมีขนาดของตัวรถอยู่ที่ 4,860 x 1,935 x 1,602 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,940 มม. ซึ่งไม่ใช่รถขนาดเล็กเลย มีขนาดใกล้เคียงกับ NIO EC6 และอยู่ระหว่าง BMW X4 กับ BMW X6 มีน้ำหนักตัวรถอยู่ระหว่าง 2,280 – 2,440 กก. และภายในมาพร้อมแผงหน้าปัดหลังพวงมาลัย, หน้าจอสัมผัส infotainment ขนาดใหญ่, หน้าจอสัมผัสฝั่งผู้โดยสาร และหน้าจอ AR-HUD (Head-up Display)

ขุมพลัง

Denza N7 ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมความจุแบตเตอรี่ 91.392 kWh และมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ระบบ คือ

ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD)

  • มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสตัวเดียว ให้พละกำลัง 230 kW (313 แรงม้า)
  • สามารถวิ่งได้ระยะทาง 702 กม. ตามมาตรฐาน CLTC

ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD)

  • เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าอีก 1 ตัว ให้พละกำลัง 160 kW ดังนั้น มีพละกำลังรวมสูงสุด 390 kW (523 แรงม้า)
  • สามารถวิ่งได้ระยะทาง 630 กม. ตามมาตรฐาน CLTC
BYD Denza ชาร์จแบบคู่

Denza N7 ใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบ CTB (Cell-to-body) เมื่อใช้การชาร์จแบบคู่ สามารถชาร์จเพียง 15 นาที วิ่งได้ 350 กม. หรือชาร์จเพียง 4 นาที วิ่งได้ 100 กม. ถึงแม้ว่ารถของ Denza จะรองรับการชาร์จแบบคู่ ที่ชาร์จได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมากเพราะ ในสถานีชาร์จมีผู้ใช้จำนวนมาก

เมื่อเร็วๆนี้ ได้กลายเป็นเทรนด์ใหม่ในประเทศจีน ในเรื่องส่งเสริมการขายรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านสิ่งต่างๆที่บ่งบอกถึงกลุ่มเป้าหมายรุ่นนั้นๆได้ อย่างเช่น กิจกรรมโต้คลื่น, เรือแคนู, สเก็ตบอร์ด หรือกีตาร์ เป็นต้น บ่งบอกได้ว่า Denza N7 เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่น อายุประมาณ 23 ปี แต่รถตู้ Denza D9 เป็นเพียงรุ่นเดียว ที่มุ่งเป้าไปกลุ่มคนอายุระหว่าง 30 – 40 ปี

ฟีเจอร์และระบบปฏิบัติการ

Denza ได้เน้นย้ำถึงเรื่องคุณสมบัติด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะมากมาย รุ่นดังกล่าวมาพร้อมระบบปฏิบัติการของตัวเอง HarmonyOS จาก Huawei และรองรับการอัปเดตแบบ OTA และยังติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบ DiSus-A ของ BYD นอกจากนี้ยังติดตั้งฟีเจอร์เข้ามาด้วย ระบบ iADC (ระบบควบคุมการดริฟท์) สามารถดริฟท์ได้ และระบบ iCVC (ระบบควบคุมทิศทางของตัวรถ) Denza ยังประกาศด้วยว่าระบบ ADAS จะพร้อมใช้งานในเดือนธันวาคม สามารถอัปเดตผ่าน OTA ได้ฟรี

Denza เปิดตัวรองรับการชาร์จไฟกระแสตรง (DC) แบบ V2V (Vehicle-to-Vehicle) ที่สามารถชาร์จให้กับรถคันอื่นได้จาก Denza N7 คันนี้ และยังอ้างว่าความเร็วในการชาร์จอาจสูงถึง 60 kW เลยทีเดียว

ระบบ iADC (ระบบควบคุมการดริฟท์) สามารถดริฟท์ได้

ระบบกันสะเทือนแบบ DiSus-A ทำให้การขับขี่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้น

ที่มา – CarNewsChina

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sahakrit S