Thanakrit Kongpon
Toyota เปิดตัว Concept Car 2 รุ่น ที่ได้ต้นแบบมาจากอนิเมะ Intial D ทั้งรุ่น EV และรุ่นเชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยยืมเครื่องยนต์และอุปกรณ์จากรถรุ่นอื่นมาใช้ในคันนี้
เผยโฉม Toyota รุ่น AE86 H2 และ BEV Restomod Concepts ในญี่ปุ่น
Toyota ได้เปิดตัว Concept Car ทั้งหมด 2 รุ่นที่งาน Tokyo Auto Salon 2023 ทั้งสองรุ่นมีต้นแบบมาจาก Toyota AE86 ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่มีเพียงุ่นเดียวที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100%
ซึ่งรุ่นแรกเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ทั่วไป (BEV) ในขณะที่อีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนแทนน้ำมัน
ทำให้เห็นว่า Toyota มีมุมมองอนาคตของรถยนต์ของตนเป็นอย่างไร มองหาทางเลือกอื่นแทน EV ได้อย่างไร และยังไม่พร้อมมุ่งมั่นที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบเหมือนที่ผู้ผลิตรายอื่นส่วนใหญ่ทำ ทั้งนี้ผู้ผลิตก็ต้องการเจาะฐานแฟน ๆ และสร้างการตอบสนองทางอารมณ์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทำไมถึงเลือกดัดแปลงหนึ่งในโมเดลที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่เคยมีมา นั่นก็คือ AE86 ซึ่งโด่งดังไปทั่วโลกจากอนิเมะเรื่อง Initial D
โดยรุ่นแรกที่เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักนั้นคือ AE86 H2 Concept ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนการขับรถเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่ว ๆ ไป (เพราะเป็นรุ่นเดียวที่เป็นเครื่องยนต์เผาไหม้ไฮโดรเจน) ที่ใช้ถังเก็บไฮโดรเจนแรงดันสูงสองถังจาก Toyota Mirai โดยติดตั้งที่ท้ายรถและมีการดัดแปลงระบบส่งกำลังเพียงเล็กน้อย รถคันนี้จึงไม่มีปัญหาในการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน
แม้ว่าคอนเซปต์ AE86 BEV จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป โดยยืมมอเตอร์ไฟฟ้ามาจากรุ่น Tundra hybrid , ชุดแบตเตอรี่จาก Prius plug-in hybrid และบางส่วนก็หยิบยืมมาจากรถ Toyota รุ่นอื่น ๆ อีกเช่นกัน ผู้ผลิตยังไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับรถสองรุ่นนี้มากมายนัก – ไม่มีแม้แต่การกล่าวถึงข้อมูลทางเทคนิค – แต่ก็เป็น project ที่ค่อนข้างเจ๋งเลยทีเดียว
ดูเหมือนจะไม่ตอบสนองจุดมุ่งหมายอะไรนอกจากการตอกย้ำความจริงที่ว่า Toyota ยังไม่เชื่อมั่นในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี Toyota กำลังลงทุนผลิตรถ EV และได้ประกาศเปิดตัวรถหลายรุ่นทั้งภายใต้แบรนด์ของตัวเอง และเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทได้จดเครื่องหมายการค้าชื่อใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต โดยมีการบอกใบ้อย่างชัดเจนถึงโครงสร้างการตั้งชื่อรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ทั้งนี้ Toyota ก็เคยประกาศแผนการการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 15 รุ่นในตลาดภายในปี 2030
ที่มา – insideevs
