Sakura P.
เกือบ 3 ทศวรรษหลังจากเปิดตัว Prius ที่เป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นบุกเบิก ล่าสุด Toyota เผยว่ากำลังดำเนินการเปลี่ยนรถยนต์ Toyota และ Lexus ส่วนใหญ่หรืออาจจะทั้งหมดให้เป็นระบบไฮบริดทั้งหมด
Toyota อาจเปลี่ยนรถยนต์ทั้งหมดเป็นระบบไฮบริด (Hybrid) มีแนวโน้มเลิกขายรถยนต์เบนซิน
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา Akio Toyoda ได้เผยว่า เขาเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าล้วนไม่มีวันครองโลก โดยส่วนแบ่งรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะมีเพียง 30% เท่านั้น และในส่วนที่เหลืออีก 70% จะเป็นรถยนต์น้ำมัน รถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฮโดรเจน และเชื้อเพลิงอื่น ๆ
ล่าสุด David Christ หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดของ Toyota ในอเมริกาเหนือให้ข้อมูลกับ Reuters ว่า ต่อจากนี้ไปบริษัทจะวางแผนประเมินอย่างละเอียดว่าการใช้ระบบไฮบริดกับรถยนต์ทั้งหมดนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่
การประเมินดังกล่าวอาจจะมาพร้อมรถยนต์รุ่นใหม่หรืออาจจะรวมถึงการยกเครื่อง Toyota RAV 4 ที่จะเปิดตัวในปี 2026 โดยปัจจุบันรถรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในอเมริกาและมีเวอร์ชันไฮบริดแล้ว
2025 Toyota RAV 4 HEV
นอกจากนี้ แหล่งข่าวอีก 2 รายเผยว่า Toyota กำลังหารือเกี่ยวกับการวางแผนผลิตภัณฑ์ของตน โดยมีแนวโน้มสูงที่จะเลิกวางขายรถยนต์น้ำมันเบนซินในตลาดอเมริกาเหนือ แต่แผนนี้ยังอยู่ในระหว่างหารือกันเท่านั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
ปัจจุบัน Toyota ได้เลิกขาย Camry รุ่นน้ำมันเบนซิน โดย Camry โมเดลปี 2025 เป็นรถยนต์ซีดานที่ขายดีที่สุดในอเมริกา และรถรุ่น Land Cruier และมินิแวน Sienna ก็วางขายเฉพาะรุ่นไฮบริดเท่านั้น
2025 Toyota Camry HEV
นอกจากนี้ แหล่งข่าวลับอีก 2 รายยังเผยว่า รถยนต์ไฮบริดหลายรุ่นของ Toyota จะมาในรูปแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่
ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าทิศทางการผลิตรถยนต์ของ Toyota จะเป็นอย่างไร เนื่องจาก Toyota ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ใหญ่ที่มีการประกาศแผนด้านรถยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการประกาศแผนรถยนต์ไฟฟ้า เปิดโรงงานแบตเตอรี่ EV ใหม่ในญี่ปุ่น การวางแผนร่วมใช้ DM-i ของ BYD ในจีน และแผนอื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและ EREV ในประเทศจีนค่อนข้างได้รับความนิยมและขายดี รวมถึงผู้ผลิตก็เริ่มพัฒนาให้ระบบไฮบริดประหยัดน้ำมันมากขึ้นและมีระยะทางไกลขึ้นมาแข่งขันกัน โดยเฉพาะ BYD ที่เพิ่งเปิดตัวระบบไฮบริด DM-i 5 ใหม่ เน้นการประหยัดมากขึ้น ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้รถยนต์ประเภทไฮบริดอาจจะได้รับความนิยมทั่วโลก
ที่มา reuters
