Mercedes-Benz เร่งพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติอัจฉริยะในตลาดจีน โดยรายงานเผยว่าบริษัทนำระบบขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงจากบริษัทสตาร์ทอัพในจีน Momenta มาพัฒนาร่วมกับรถรุ่น CLA ทำให้สามารถนำทางในเมืองได้ โดยรถ CLA มีกำหนดเข้าสู่สายการผลิตในเดือนเมษายน 2025
รายงานเผย Mercedes-Benz จะใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูงในรถรุ่น CLA จากบริษัทสตาร์ทอัพจีน
สื่อจีน 36Kr รายงานว่า Mercedes-Benz จะใช้เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะจากบริษัทสตาร์ทอัพ Momenta ในจีนกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น CLA ใหม่ ซึ่งเป็นรถ Mercedes-Benz รุ่นแรกที่มีระบบช่วยเหลือการขับขี่อัตโนมัติและ ADAS ในเมือง ขับเคลื่อนด้วยชิป Nvidia Orin X
บริษัทสตาร์ทอัพ Momenta ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 และมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะในประเทศจีน รายงานเผยว่า Mercedes-Benz เล็งเห็นถึงศักยภาพของ Momenta มานาน จึงเคยเข้าร่วมระดมทุนโครงการ Series B ในปี 2017 และลงทุนต่อมาในปี 2021 ในโครงการ Series C
ระบบขับขี่อัจฉริยะในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนมีการแข่งขันที่เข้มข้น บริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Huawei, Nio, Xpeng และ Xiaomi ต่างก็มีฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงกันอยู่แล้ว แต่ในทางตรงกันข้าม Mercedes-Benz กลับล้าหลังด้านเทคโนโลยีนี้ในจีน ซึ่งเทคโนโลยีที่เห็นล่าสุดคือ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่บนทางหลวงในรถยนต์ 2023 E-Class long-wheelbase
ซึ่งความล่าช้าด้านเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงในจีนนี้ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ความพรีเมียมของแบรนด์ Mercedes-Benz และยังส่งผลต่อยอดขายรถในประเทศจีน ดังนั้น Mercedes-Benz จึงคาดหวังว่ารถรุ่นใหม่ CLA นั้นจะมีเป้าหมายไปที่ผู้บริโภคอายุน้อยและมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี
Mercedes-Benz CLA ใหม่ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Modular Architecture (MMA) รองรับสถานปัตยกรรมการชาร์จไฟ 800V ให้กำลังชาร์จสูงสุด 250kW และยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการ MB.OS ช่วยเพิ่มพลังการประมวลผลและสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ภายในห้องโดยสารได้อย่างราบรื่น และคาดว่าจะใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟส Blade Battery จาก BYD
ความร่วมมือเชิงกุลยุทธ์กับ Momenta จะช่วยให้ Mecedes-Benz ได้เร่งเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนที่มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
นอกจากรถรุ่น CLA แล้ว Mercedes-Benz ยังวางแผนสนับสนุนคุณสมบัติการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงในรถอีก 3 รุ่น ได้แก่ 2023 E-Class long-wheelbase, EQS และ S-Class
นอกจากนี้ข่าววงในยังเผยว่า Mercedes-Benz อาจผลักดันให้มีการแปลฟีเจอร์การขับขี่อัจฉริยะ L2+ ให้เป็นภาษาท้องถิ่นเพิ่มติม และระบบการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงในอนาคตนั้นอาจจะได้รับการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบโดยซัพพลายเออร์ของจีน
สำหรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติทั่วโลกนั้น Mercedes-Benz ได้บรรลุเป้าหมายตั้งแต่ปี 2021 โดยได้รับใบอนุญาตเชิงพาณิชย์สำหรับการขับขี่อัตโนมัติ L3 และระบบจอดรถอัตโนมัติ L4 ในประเทศเยอรมนี ต่อมาในปี 2023 บริษัทก็ได้รับใบอนุญาตการขับขี่อัตโนมัติ L3 ในเนวาดาและแคลิฟอร์เนีย รวมถึงในอนุญาตการทดสอบ L3 ในปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้
ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า Mercedes-Benz มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติทีแข็งแกร่งในตลาดทั่วโลก แต่ในตลาดจีนนั้น ยอดขายของ Mercedes-Benz คิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมด ดังนั้บริษัทจึงต้องให้ความสำคัญในตลาดจีน
ปัจจุบันบริษัท Mercedes-Benz ถือหุ้นโดยชาวจีน 20% โดยมี Li Shufu ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Geely ถือหุ้นประมาณ 10% และมี Beijing Auto (BAIC) ที่เป็นของรัฐบาลถือหุ้นอีกเกือบ 10% นับว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในบริษัท
ที่มา carnewschina