ใน

การลดราคารถ EV ของ BYD กระทบยอดขาย Toyota ลดลงในเอเชีย ช่วงครึ่งแรกของปี 2024

ยอดขายของ Toyota ลดลงทั่วโลกกว่า 5% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และในครึ่งปีแรกตั้งแต่เดือนมกราคม – มิถุนายน 2024 ยอดขายลดลง 0.9% เมื่อเทียบรายปี เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบการลดราคารถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ในตลาดสำคัญหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศของตนเองอย่างญี่ปุ่น

การลดราคารถ EV ของ BYD กระทบยอดขาย Toyota ลดลงในเอเชีย ช่วงครึ่งแรกของปี 2024

ยอดขายรถยนต์ของ Toyota รวมกับ Lexus ในเดือนที่ผ่านมาขายรวมกันได้ 853,082 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปี 2023 คิดเป็น 5.1%

หลังจากที่ Toyota เรียกคืนรถรุ่น Prius เมื่อต้นปี ส่งผลให้ยอดขายโซนอเมริกาเหนือลดลงเล็กน้อย 1.6% น้อย แต่ยอดขายรวมในครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 14.6% ในอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ยอดขายเดือนที่ผ่านมา ในยุโรปก็เพิ่มขึ้น 2.7% และละตินอเมริกาก็เพิ่มขึ้น 6.5%

แต่โซนที่ Toyota ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือ ยอดขายในเอเชีย ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของบริษัท เมื่อเดือนที่ผ่านมา ในเอเชียบริษัทขายได้ 269,317 คัน ลดลงถึง 7.2% โดยตลาดที่สำคัญที่สุดในเอเชียอย่างจีน ลดลง 13% และไทย ลดลง 11%

และเมื่อดูจากยอดขายรวมครึ่งปีแรกของปี 2024 แล้ว อัตรายอดขายของ Toyota ลดลงถึง 2 หลัก ในจีนลดลง 10.8%, อินโดนีเซียลดลง 10% และไทยลดลง 15%

Toyota เผยว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ “มาจากสภาพแวดล้อมทางการตลาดที่ท้าทายขึ้น และมีการแข่งขันด้านราคาที่เข้มข้นขึ้นในภูมิภาคเอเชีย” สังเกตได้ว่าการเข้ามาเล่นในตลาดรถยนต์ของผู้ผลิตรถยนต์จีนที่มีการลดราคาอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะ BYD ที่ประกาศสงครามราคา Liberation Battle ลดราคาดุเดือด ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์รายเก่าไม่สามารถแข่งขันได้ เหมือนเป็นการบีบผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติออกจากตลาด

จากรายงานเผยว่า BYD สร้างสถิติยอดขายใหม่ในเดือนที่แล้ว โดยทำยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ได้ถึง 341,658 คัน เพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบรายปี บริษัทขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนได้ 145,179 คัน เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบรายปี และเมื่อรวมยอดขายครึ่งแรกของปีนี้แล้ว BYD ทำยอดขายได้มากถึง 726,000 คัน เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สวนทางกับยอดขายของ Toyota

รถยนต์ไฟฟ้า BYD รุ่นที่ถูกที่สุดคือ Seagull เริ่มต้นเพียง 69,800 หยวน ในจีน และรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัดรุ่นอื่น ๆ เช่น Dolphin และ ATTO 3 ที่เปิดตัวในตลาดต่างประเทศก็ต่างได้รับความนิยมและครองส่วนแบ่งในตลาดได้อย่างรวดเร็วในตลาดที่สำคัญ เช่น ประเทศไทย อินโดนีเซีย และละตินอเมริกา

นอกจาก BYD ก็กำลังขยายส่วนแบ่งทางการตลาดไปยังประเทศญี่ปุ่นที่เป็ดบ้านเกิดของ Toyota เพิ่มขึ้นด้วย จากข้อมูลของ JAIA พบว่า การนำเข้ารถยนตืไฟฟ้าของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 17% โด ยรถยนต์ของ BYD นำเข้าคิดเป็นเกือบ 10% ของการนำเข้าทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกปีนี้ การเติบโตนี้ทำให้ BYD ขยับตำแหน่งการจัดอันดับรถยนต์นำเข้าในญี่ปุ่นจากอันดับที่ 19 มาเป็นอันดับที่ 14

BYD ได้รุกตลาดญี่ปุ่นด้วยการเปิดตัว BYD Seal ด้วยราคาเริ่มต้น 5.28 ล้านเยน และยังส่ง ATTO 3 ราคา 4.4 ล้านเยน และ Dolphin ราคา 3.63 ล้านเยนมาขายในญี่ปุ่นด้วย

อย่างไรก็ตาม Toyota ก็ไม่ได้นิ่งเฉย จากรายงานล่าสุดเผยว่า Toyota ได้วางแผนเปิดโรงงานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่บน Silicon Island เกาะเคียวชูในญี่ปุ่น เพื่อผลิตรถยนต์ที่สามารถแข่งขันกับ BYD และผู้ผลิตจีนอื่น ๆ ได้ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่าสงครามในตลาดรถยนต์นั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป

แสดงความคิดเห็น

เขียนโดย Sakura P.